สหรัฐฯ จะเริ่มวางแนวทางการฉีดกระตุ้นโดสที่ 3 ให้แก่พลเมืองทั่วสหรัฐฯ หลังจากมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลตาพุ่งสูง เช่นเดียวกันกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เพิ่งประกาศว่า เขาเตรียมจะเข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นโดสที่ 3 ในอนาคต
องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเรียกร้องให้ประเทศร่ำรวย ยุติการฉีดกระตุ้นโดสที่ 3 เพื่อนำวัคซีนที่เหลือไปแจกจ่ายเพื่อความเท่าเทียม ต่อการเข้าถึงวัคซีนในทั่วโลก โดยองค์การอนามัยโลก เรียกการฉีดกระตุ้นโดสที่ 3 ในประเทศพัฒนาแล้วว่า “ผิดศีลธรรม”
อย่างไรก็ดี ไบเดน ได้ให้สัมภาษณ์กับ ABC News ว่า เขาและภรรยาอย่าง จิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง เตรียมจะเข้ารับการฉีดวัคซีนกระตุ้นในโดสที่ 3 โดยผู้ที่จะได้รับการฉีดกระตุ้นโดสที่ 3 ในสหรัฐฯ นอกจากกลุ่มที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องแล้ว จะเป็นผู้ที่เคยได้รับวัคซีนของ Pfizer และ Moderna เมื่อ 8 เดือนก่อน
สหรัฐฯ จะเริ่มทำการฉีดกระตุ้นโดสที่ 3 ให้แก่พลเมืองของตัวเองในเดือนหน้า แต่ด้วยการกล่าวโจมตีว่า ประเทศร่ำรวยกำลังเอาเปรียบประเทศยากจน ถึงการเข้าถึงวัคซีนนั้น ไบเดนระบุว่า “เราได้มอบ (วัคซีน) ให้แก่ทั่วโลก มากกว่าการบริจาคทั่วโลกรวมกัน” ไบเดนกล่าวเสริมว่า “เราทำมากกว่าคนอื่น”
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศว่า พวกเขาจะบริจาควัคซีนเพิ่มอีก 500 ล้านโดส ภายในครึ่งปีแรก เพื่อการเข้าถึงวัคซีนที่เท่าเทียมกัน อย่างไรก็ดี The Guardian วิจารณ์ว่า ปริมาณวัคซีนที่สหรัฐฯ บริจาค เทียบเท่ากับความต้องการของประเทศยากจน ต่อการเข้าถึงวัคซีนไม่ได้เลย นอกจากนี้ The Guardian ชี้ว่า วัคซีนยังคงสามารถลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตลงได้ และตัวเลขการเข้าโรงพยาาลและการตายในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ ยังคงเป็นผู้ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย
“แผนของเรา คือการปกป้องชาวอเมริกัน ให้อยู่ห่างไกลจากไวรัส” โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติต่อสหรัฐฯ ระบุ อย่างไรก็ดี มีผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายออกมาระบุว่า ยังคงไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน mRNA ครบโดสไปแล้ว มีความจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการฉีดกระตุ้นในโดสที่ 3 อีก
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER