แพทย์เป็นอาชีพที่สำคัญท่ามกลางการระบาดของ COVID-19 ไม่ใช่เพียงแต่การรักษา แต่คือการสื่อสารกับประชาชน เพื่อให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น แต่หลายครั้งที่แพทย์ในบางประเทศไม่สามารถพูดอะไรได้ตรงๆ โดยเฉพาะในประเทศที่อยู่ภายใต้ระบอบอำนาจนิยม
คุณอาจจะจำภาพของ นพ.แอนโธนี ฟาวชี แพทย์ผู้ชำนาญ และที่ปรึกษาของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่คอยออกมาแถลงเกี่ยวกับมาตรการและสถานการณ์ต่างๆ ในการระบาดของ COVID-19 แต่เราขอพาคุณไปรู้จักกับแพทย์คนหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ในการสื่อสารกับประชาชนคล้ายกัน นพ.ฟาวชี แต่เขาคนนี้เป็นแพทย์ที่อยู่ภายใต้ประเทศซึ่งมีระบอบการปกครองแบบอำนาจนิยมอย่างจีน
นพ.จาง เหวินหง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากเซี่ยงไฮ้ของจีน ถูกชาวจีนตั้งฉายาให้เป็น “คุณพ่อจาง” ด้วยยอดการติดตามบน Weibo กว่า 4 ล้านคน นพ.จางปรากฏตัวบนหน้าสื่อของจีน เพื่อคอยให้คำอธิบายต่อสถานการณ์และมาตรการ COVID-19 ในจีนมาโดยตลอด ด้วยการพูดตรงๆ กับประชาชน ว่าพวกเขาควรทำอย่างไรภายใต้โรคอุบัติใหม่นี้ ทั้งนี้ นพ.จาง ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรใดๆ จากทางรัฐบาลจีน
“คุณเบื่อแทบตายที่จะต้องอยู่แต่ในบ้าน แต่ไวรัสก็จะทำให้คุณแทบตายได้เหมือนกัน” นพ.จางพูดกับประชาชน “อยู่บ้านสัก 2 สัปดาห์… แล้วเราจะเข้าใกล้ความสำเร็จมากขึ้นไปอีก” โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน ก่อนการระบาดระลอกใหม่ในมณฑลฟูเจียน นพ.จางได้ระบุว่า จีนจะยังคง “เผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างมหาศาล” ในการแก้ปัญหา COVID-19
นพ.จาง ใช้ภาษาสื่อสารกับประชาชนที่ฟังดูคล่องแคล่ว แต่ก็เต็มไปด้วยน้ำเสียงที่มีมารยาท คำพูดของ นพ.จาง ดูน่าฟังในหมู่ประชาชนชาวจีน มากกว่าการรอฟังคำแถลงจากเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอย่างมาก เพราะ นพ.จาง นำเสนอข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ฟังง่ายและรู้เรื่อง ท่ามกลางบริบทของทางการจีน ที่เมื่อพวกเขาแถลงต่อประชาชนเมื่อไหร่ คำพูดก็จะเต็มไปด้วยลัทธิชาตินิยม ทฤษฎีสมคบคิดใส่ร้ายประเทศอื่น และความเหนือกว่ารัฐอื่นใดของรัฐบาลจีน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้หลุดออกมาจากปากของ นพ.จาง เลย
ในขณะที่มีข้อถกเถียงกันในทางการเมืองว่า ระหว่างยาของจีนกับยาจากต่างชาติอันไหนดีกว่ากัน นพ.จางกลับสื่อสารกับประชาชนว่า “อย่างที่คำโบราณว่าไว้ ไม่ว่าจะเป็นล่อหรือม้า มันก็ต่างพาเราเดินไปได้” คำพูดของจางกับมาตรการกดเลขติดเชื้อให้เป็นศูนย์ของจีน ทำให้เซี่ยงไฮ้ในการแพร่ระบาดที่ผ่านมา พบการติดเชื้อใหม่เพียงแค่ 350 รายเท่านั้น และตลอดทั้งปีที่ผ่านมา คนจีนแทบจะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติแบบเหมือนไม่มีไวรัสได้อีกครั้ง
นพ.จาง ยังเคยอธิบายการติดเชื้อจากคนสู่คน ให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ฟัง ด้วยคำพูดที่เข้าใจง่ายๆ ว่า เหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่ติดเชื้อหวัดนก ในขณะที่เธอได้รับการดูแลอย่างดีจากคนเป็นแม่มากกว่าสามี “ผลลัพธ์ก็คือ เธออาจจะส่งต่อไวรัสให้แม่ได้มากกว่าสามี” นพ.จางเล่นมุกกับคนรุ่นใหม่ “ด้วยเหตุการณ์นี้แหละ ผมเลิกเชื่อเรื่องความรักโรแมนติกไปเลย” นพ.จางตบมุก
เช่นเดียวกันกับเรื่องการแบ่งอาหารกันกินในที่สาธารณะ ซึ่งเป็นตัวแปรที่สำคัญ ที่จะก่อให้เกิดการแพร่เชื้อได้ นพ.จาง อธิบายกับประชาชนว่า “การแยกกันกินไม่ใช่วัฒนธรรมของเรา แต่ในบางครั้งมันก็จำเป็นต้องทำ ถ้าคุณไม่แยกอาหารกันกิน มันก็เหมือนการวิ่งแก้ผ้าในที่สาธารณะท่ามกลางการระบาด อันตรายมากๆ เลย”
ในทางตรงกันข้าม นพ.จาง ออกมาพูดกับประชาชนว่า ทุกคนจะต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับไวรัสในระยะยาว โดยใช้ “สติปัญญา” อย่างที่สิงคโปร์และสหราชอาณาจักรกำลังทำ สวนทางกันกับนโยบายกดตัวเลขการติดเชื้อของจีนให้เป็นศูนย์ของรัฐบาล ด้วยความเห็นที่ขัดกันกับผู้นิยมรัฐบาลจีน นพ.จาง ถูกโจมตีว่าเป็นพวกลวงโลก และมีความพยายามในการเล่นงานเขาผ่านการขุดประวัติการศึกษาปริญญาเอกของเขา
แต่หลังจาก นพ.จางถูกโจมตี มีแฟนคลับหลายคนออกมาปกป้องเขา ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า มันเป็นเรื่องยากมาก ที่คุณจะเห็นผู้เชี่ยวชาญไม่ยอมใช้โวหารเดียวกันรัฐบาลจีน ในการสื่อสารกับประชาชน อย่างไรก็ดี จากการสืบสวนสอบสวนของมหาวิทยาลัยที่ นพ.จาง จบปริญญาเอกนั้น ไม่พบการทุจริตตามขอกล่าวหาของกลุ่มโจมตี นพ.จาง เลย
หนังสือพิมพ์หัวภาษาอังกฤษในจีนสัมภาษณ์ นพ.จาง ว่า อยากให้ผู้คนจดจำเขาอย่างไร นพ.จาง ตอบกลับว่า “เมื่อการระบาดจบลง ผมก็จะหายไปอย่างเงียบๆ” นพ.จาง เคยให้สัมภาษณ์ในโทรทัศน์ของเซี่ยงไฮ้ทีวีว่า “ชื่อเสียงนั้นลดความสุขในการมีชีวิตของผม” มีชาวอินเทอร์เน็ตจีนโพสต์ข้อความว่า “ถ้าหากสังคมไม่แม้แต่จะทนต่อคำแนะนำของ จาง เหวินหง ได้ มันก็คงจะเป็นเคราะห์กรรมของประเทศชาติเราเสียแล้ว”
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2021/03/12/business/covid-china-zhang-wenhong-coronavirus.html
#Brief #TheMATTER