**(spoil alert!)** บทความอาจเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง
เพราะเรื่อง ‘ประชาธิปไตย’ ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้ในเกาหลีใต้ โดนวิพากษ์วิจารณ์มาตั้งแต่ก่อนออนแอร์ในโทรทัศน์สำหรับซีรีส์เรื่อง ‘Snowdrop’ ที่โดนดราม่ามาตั้งแต่ปล่อยตอนแรกว่ามีเนื้อหาบิดเบือนประวัติศาสตร์ จนนำมาสู่การล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนซีรีส์ดังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นมีที่มาที่ไปอย่างไร และสำคัญอย่างไรกับคนเกาหลีใต้ The MATTER จะมาสรุปให้ฟัง
- ซีรีส์เรื่อง Snowdrop เล่าถึงเหตุการณ์ ปี 1987 ซึ่งเป็นปีที่มีความสำคัญอย่างมากสำหรับประวัติศาสตร์ชาติเกาหลี เนื่องจากมีเหตุการณ์นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ออกมาชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งอย่างโปร่งใส
ซึ่งระหว่างเรียกร้อง กลุ่มนักศึกษาต้องต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองแห่งชาติ ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลเผด็จการ ซึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ เจ้าหน้าที่ของรัฐเหล่านี้อ้างว่า นักศึกษาที่ออกมาชุมนุมเป็นสายลับที่เข้ามาสืบข้อมูลในชาติ เพื่อเป็นเหตุผลในการกำจัด ทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น
(อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์เกาหลีใต้บอกไว้ว่า ในเหตุการณ์ครั้งนั้นมีสายลับปลอมเป็นนักศึกษาเพื่อหาข้อมูลจริง ซึ่งจุดนี้เองที่ไปสอดคล้องกับเรื่องราวในซีรีส์ Snowdrop)
แม้เหตุการณ์ ปี 1987 จะเริ่มต้นด้วยความรุนแรง แต่ท้ายที่สุดความพยายามของเหล่านักศึกษาก็ไม่สูญเปล่า เพราะเกาหลีใต้ได้จัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการได้สำเร็จในปีเดียวกับ ขณะที่นักศึกษาที่ออกมาประท้วงก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ปูเส้นทางประชาธิปไตยในประเทศ
- ตัดภาพกลับมาที่เรื่องราวใน Snowdrop จะดำเนินเรื่องโดย 2 ตัวละครหลัก คือ ‘อิมซูโฮ’ ชายหนุ่มที่มาพบกับ ‘อึนยองชู’ นักศึกษาพยาบาลในสภาพโชกเลือด โดยอิมซูโฮ หลอกอึนยองชูว่าตัวเองเป็นนักศึกษาที่ถูกเจ้าหน้าที่รัฐทำร้าย ก่อนจะมาเฉลยตอนท้ายตัวเองเป็นสายลับ ซึ่งทั้ง 2 ตัวละครนั้นมีการอ้างถึงบุคคลนักศึกษาที่มีชีวิตจริงและเป็นหนึ่งในผู้ออกไปประท้วง
- นับตั้งแต่มีการปล่อยเรื่องย่อของ Snowdrop ออกมาเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2564 ก็เริ่มเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบว่า ซีรีส์เรื่องนี้จงใจบิดเบือนเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ และบิดประเด็นของเรื่องให้ไปโฟกัสที่ความรักระหว่างคู่เอกมากกว่าสถานการณ์ของประเทศ รวมถึงสร้างภาพจำที่ผิดให้กับบุคคลที่เคยมีตัวตนในประวัติศาสตร์ จนมีการล่ารายชื่อกว่า 2 แสนคนบนเว็บไซต์ของทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เพื่อเรียกร้องให้มีการยุติการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้
- หลังกระแสวิพากษ์วิจารณ์เริ่มรุนแรง JTBC สถานีโทรทัศน์ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ฉายซีรีส์เรื่องดังกล่าวก็ยอมออกมาชี้แจงว่า ตัวละครหลักไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ พร้อมเปิดเผยเนื้อหาหลักของเรื่อง **(spoil alert!)** ว่า อิมซูโฮ ไม่ใช่สายลับ แต่เป็นชาวเกาหลีเหนือที่หนีออกประเทศ เพราะถูกตามล่าหลังพยายามจะปฏิรูประบบของสำนักงานความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนี้ ซีรีส์ยังตัดสินใจเปลี่ยนชื่ออึนยองชู นางเอกของเรื่อง เพื่อไม่ให้คล้ายคลึงกับบุคคลที่เคยมีชีวิตจริงในประวัติศาสตร์
- หลังจากนั้นกระแสต่อต้านก็ค่อยๆ จางลง ก่อนจะกลับเป็นเรื่องราวใหญ่โตอีกครั้ง หลังเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา Snowdrop ตอนแรกได้เริ่มออนแอร์ที่ช่อง JTBC ซึ่งผู้ชมสังเกตว่าซีรีส์มีการนำเอาเพลง ‘Sola Blue Sola’ ซึ่งเป็นเพลงที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ชาติ มาเปิดในฉากที่เจ้าหน้าที่ของหน่วยข่าวกรองกำลังปฏิบัติหน้าที่ต่อต้านประชาธิปไตย ซึ่งชาวเกาหลีใต้มองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
จึงเริ่มมีการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนซีรีส์เรื่องนี้อีกครั้งในวันที่ 19 ธันวาคม ซึ่งหลังเปิดแคมเปญเพียงวันเดียว ก็มีผู้ลงชื่อร่วมสนับสนุนทะลุ 200,000 รายชื่ออย่างรวดเร็ว
- กลุ่มผู้คัดค้านได้ระบุในคำร้องถอดถอนซีรีส์ว่า ก่อนหน้านี้ มีการล่ารายชื่อเพื่อเรียกร้องให้ยุติการถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้มาแล้ว และมีผู้ลงชื่อสนับสนุนกว่า 200,000 คน แต่ทางผู้ผลิตอ้างว่า ตัวละครหลักของเรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย แต่ภาพที่ฉายในตอนที่ 1 กลับตรงกันข้าม เพราะนางเอกเข้าใจผิดว่าอิมซูโฮ พระเอกของเรื่องเป็นแกนนำนักศึกษา และช่วยชีวิตเขาเอาไว้
- Snowdrop ไม่เพียงแต่โดนกระแสแบนจากประชาชนเท่านั้น แต่สปอนเซอร์และโฆษณาต่างๆ ก็เริ่มทยอยถอนตัวออกจากซีรีส์เรื่องดังกล่าว หลังกระแสต่อต้านเริ่มแรงขึ้น Ssarijai บริษัทผลิตภัณฑ์เค้กข้าวได้โพสต์ข้อความขอโทษลงในเว็บไซต์ออฟฟิเชียลว่า
“ขออภัยสำหรับการสนับสนุนซีรีส์ S.wdrop เราเพิ่งเห็นรายชื่อนักแสดงรวมถึงพล็อตละคร และยืนยันว่าจะยุติการสนับสนุนทันทีที่ทราบว่าซีรีส์เรื่องนี้บิดเบือนประวัติศาสตร์รวมถึงพยายามสร้างความชอบธรรมให้การทรมานและสังหารนักศึกษา” ซึ่งนอกจาก Ssarijai ยังมีอีกหลายแบรนด์ เช่น บริษัทเครื่องปั้นดิน Dopyeong-Yo บริษัทชา Teazen และอีกหลายบริษัทออกมาขอโทษต่อการสนับสนุนซีรีส์เรื่องนี้
- หลังเป็นกระแสมาครึ่งสัปดาห์ ล่าสุด JTBC ก็ได้ออกแถลงการณ์แล้ว โดยยืนยันว่า ตัวละครหลักของเรื่องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 1987 แต่ทางบริษัทเข้าใจถึงความกังวลใจของประชาชนในประเด็นบิดเบือนประวัติศาสตร์ และเนื้อหาที่ทุกคนเป็นกังวลจะได้รับการคลี่คลายในอนาคต
JTBC ยังบอกอีกว่า บริษัทไม่สามารถเปิดรายละเอียดเรื่องราวที่เหลือของซีรีส์เพิ่มได้ แต่ขอให้ผู้ชมติดตามดูพัฒนาการของตัวละครหลังจากนี้ และเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าบริษัทพร้อมรับฟังความเห็นทุกประการ จะมีการเปิดหน้าต่างแชทแบบเรียลไทม์เว็บไซต์ไว้ตลอด
หลังจากนี้คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าซีรีส์ Snowdrop จะได้ออกอากาศต่อไปไหม และชาวเกาหลีใต้จะให้โอกาสซีรีส์เรื่องนี้อีกหรือไม่ เพราะประเด็นเรื่องประชาธิปไตยในเกาหลีใต้นั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่คนทุกวัยให้ความสำคัญเสมอมา
(อ่านสาเหตุเพิ่มเติมว่าทำไมคนเกาหลีใต้ถึงหวงแหนประชาธิปไตยได้ที่ : https://thematter.co/brief/161947/161947 )
อ้างอิงจาก
https://www.allkpop.com/…/various-advertising-and…
https://www.soompi.com/…/jtbc-releases-new-statement…
https://www.koreaboo.com/…/petition-stop-broadcast…/
http://www.koreaherald.com/view.php?ud=20210412000862