วันที่ 25 ม.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน และ สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เยือนซาอุดิอาระเบียอย่างเป็นทางการ และได้มีโอกาสเข้าเฝ้า มุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฏราชกุมารแห่งซาอุฯ
การพบปะกันของผู้นำรัฐบาลระหว่างชาติในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 กว่าปี โดยทั้งสองฝ่ายได้ถือโอกาสสะสางประเด็นบาดหมางในอดีต และปรับความสัมพันธ์ทางการทูตรระหว่างสองประเทศให้กลับมาเป็นปกติ เปิดศักราชใหม่ในความสัมพันธ์ ไทย–ซาอุฯ
ในการพบปะกันครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันถึงแนวทางการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกๆ มิติ และเห็นชอบให้มีการยกระดับความสัมพันธ์ผ่านปฏิสัมพันธ์และการติดต่อประสานระหว่างหน่วยงานต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
แต่ไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง จากการพูดคุยเบื้องต้นในครั้งนี้?
1. ไทยได้ส่งออกแรงงานไปทำงานในซาอุฯ
หนึ่งในประเด็นที่ถูกจับตามองมากที่สุด คือ โอกาสของไทยที่จะได้ส่งออกแรงงานไปทำงานในซาอุฯ อีกครั้ง ซึ่งในการพบปะกันครั้งนี้ ก็มีการหารือระหว่างกระทรวงแรงงานของสองประเทศ โดย พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า จะมีการตั้งคณะทำงานทวิภาคีขึ้นมา เพื่อดำเนินการเรื่องแรงงานต่อไป
รัฐบาลหวังว่าการกลับมาส่งออกแรงงานจะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับไทยอย่างมาก หากมีการฟื้นฟูให้มีการส่งออกแรงงานเท่ากับช่วงก่อนที่จะมีการลดระดับความสัมพันธ์ ก็จะมีแรงงานไทยกว่า 300,000 คน ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ์ อ้างว่า จะสร้างรายได้ส่งกลับประเทศมากถึง 9,000 ล้านบาทต่อปี
2. นักท่องเที่ยวซาอุฯ เดินทางเข้าไทยได้
การปรับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจแห่งอาหรับอย่างซาอุฯ ยังจะเป็นโอกาสสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว โดย พล.อ. ประยุทธ์อ้างว่า นักท่องเที่ยวซาอุฯ ที่เพิ่มขึ้น จะช่วยสร้างรายได้ให้ไทยอย่างน้อยปีละ 5,000 ล้านบาท
3. เที่ยวบินตรง ไทย–ซาอุฯ เริ่ม พ.ค.
ในช่วงวันที่ผ่านมา มีการประกาศของซาอุดิอาระเบีย แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติซาอุฯ ว่าจะกลับมาเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างไทย–ซาอุฯ อีกครั้ง โดยเริ่มบินในเดือน พ.ค. ปี 2565
อย่างไรก็ดี สุทธิพงษ์ คงพูล ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เป็นเพียงการโฆษณาเบื้องต้น ยังไม่ได้ยื่นขอตารางบินอย่างเป็นทางการ แต่ตารางบินฤดูร้อนก็ยังมีช่วงที่ว่างอยู่ เชื่อว่าจะสามารถเปิดบินตามที่กำหนดได้
4. เพิ่มโอกาสทางการค้าและเศรษฐกิจของไทย
หากมีการเปิดเส้นทางการเดินทาง อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนระหว่างสองชาติมากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า โอกาสทางการค้าและเศรษฐกิจของไทยก็จะเพิ่มมากขึ้น จากกาดรติดต่อกับซาอุฯ ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาหรับ
พล.อ.ประยุทธ์ เน้นย้ำถึงบทบาท ‘ครัวโลก’ ของไทย ที่จะช่วยส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารของซาอุฯ รวมถึงการเป็น ‘ศูนย์กลางทางการแพทย์และการท่องเที่ยว’
5. แต่งตั้งเอกอัครราชทูตระหว่าง 2 ประเทศ
การแต่งตั้งเอกอกัครราชทูต ถือเป็นการตอกย้ำการปรับระดับความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ ซึ่งน่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในการส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่างๆ ได้
อย่างไรก็ดี คำแถลงของ พล.อ.ประยุทธ์ เกี่ยวกับผลสำเร็จต่างๆ ที่ไทยจะได้รับจากการฟื้นความสัมพันธ์นี้ เป็นเพียงผลจากการพูดคุยเบื้องต้นเท่านั้น เรายังต้องจับตาดูต่อไปว่า การดำเนินความร่วมมือต่างๆ จะประสบผลสำเร็จแค่ไหน หรือไทยจะเสียประโยชน์อะไรหรือไม่ต่อไป
อ้างอิงจาก
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3150813
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3150977
https://www.prachachat.net/politics/news-850710
https://news.thaipbs.or.th/content/311986
https://www.bangkokbiznews.com/politics/984653
https://www.bangkokbiznews.com/business/984677