ไม่บ่อยนักที่มนุษย์เราจะได้เห็น ‘เมกะแฟลช’ (megaflash) ซึ่งโดยนิยามอย่างเป็นทางการแล้วก็คือสายฟ้าที่พาดยาวเป็นระยะทางมากกว่า 62 ไมล์ หรือ 100 กิโลเมตร
แต่เมื่อวานนี้ (1 ก.พ. 2022) องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization หรือ WMO) ภายใต้สหประชาชาติ ได้บันทึกสถิติอย่างเป็นทางการ ของเมกะแฟลชถึง 2 ครั้งด้วยกัน คือ เมกะแฟลชในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก กับเมกะแฟลชในทวีปอเมริกาใต้ที่กินระยะเวลายาวนานที่สุด
สำหรับเมกะแฟลชที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พบว่ามีขนาด 768 ± 8 กิโลเมตร โดยพาดผ่าน 3 รัฐ ตั้งแต่หลุยเซียนา, เท็กซัส ไปจนถึงมิสซิสซิปปี ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2020 ระยะทางขนาดนี้ เรียกได้ว่า ไกลกว่ากรุงเทพไปเชียงใหม่เสียอีก
ส่วนเมกะแฟลชที่มีระยะเวลายาวนานที่สุด พบว่าเกิดขึ้นในทวีปอเมริกาใต้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2018 โดยกินระยะเวลาประมาณ 17.102 วินาที
สำหรับการบันทึกสถิติสายฟ้าในช่วงหลังๆ WMO ได้เปิดเผยว่า เครื่องมือที่มอนิเตอร์จากอวกาศมีส่วนช่วยอย่างมาก จากเดิมที่ต้องสังเกตการณ์อยู่แค่บนพื้นดิน ซึ่งตอนนี้ก็มีอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ 2-3 ชิ้น คือ ‘Geostationary Lightning Mapper’ (GLM) ที่ติดอยู่บนดาวเทียม GOES-16 และ 17, ‘Meteosat Third Generation (MTG) Lightning Imager’ ของยุโรป และ ‘Y-4 Lightning Mapping Imager’ ของจีน
การค้นพบในครั้งนี้ WMO ระบุว่าจะมีประโยชน์ในการประเมินอันตรายของสายฟ้าต่อไป ศ.แรนดอลล์ เซอร์เวนี ผู้แทนของคณะกรรมการใน WMO ได้บอกว่า “นี่คือบันทึกสถิติที่น่าทึ่งจากเหตุการณ์ฟ้าผ่าเพียงครั้งเดียว” ซึ่งนอกจากครั้งนี้ ก็คาดว่าน่าจะมีเหตุการณ์อื่นๆ ที่สุดโต่งมากกว่านี้อีก และมนุษย์เราก็น่าจะได้สังเกตการณ์กันมากขึ้นเมื่อเทคโนโลยีตรวจจับฟ้าผ่าพัฒนาต่อไป
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/2022/01/31/weather/lightning-megaflash-record/index.html
https://www.businessinsider.com/lightning-megaflash-over-us-south-is-longest-ever-recorded-2022-2
https://public.wmo.int/en/media/press-release/wmo-certifies-two-megaflash-lightning-records