หญิงชาวสหรัฐฯ กลายเป็นผู้ป่วยคนที่ 3 และผู้หญิงคนแรกของโลก ที่หายจากการติดเชื้อ HIV หลังเข้ารับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์รูปแบบใหม่ที่อาจนำมาใช้กับผู้ป่วยได้หลากหลายมากขึ้น สะท้อนความหวังในการรักษาการติดเชื้อ HIV เป็นวงกว้าง
ทีมนักวิจัยจากสหรัฐฯ เพิ่งนำเสนอกรณีศึกษาในงานประชุมวิชาการเรโทรไวรัสและการติดเชื้อฉวยโอกาส (CROI) ประจำปี 2022 ที่เมืองเดนเวอร์ ระบุว่า ผู้ป่วยคนดังกล่าวเป็นหญิงวัยกลางคน มีเชื้อชาติผสม และป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแบบไมอีลอยด์ (AML) ขณะที่ติดเชื้อ HIV มาตั้งแต่ปี 2013
ผู้ป่วยหญิงรายนี้ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือเพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยเข้ารับการรักษาศูนย์การแพทย์นิวยอร์กเพรสไบเทเรียน/ไวล์คอร์เนลล์ ในนครนิวยอร์ก จนปัจจุบันพบว่าไม่มีเชื้อ HIV มา 14 เดือน และไม่จำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยการใช้ยาต้านไวรัส (antiretroviral therapy) อีกต่อไป
สำหรับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ หรือที่เรียกว่า ‘haplo-cord transplant’ ครั้งนี้ หญิงรายนี้ได้รับบริจาคมาจากผู้ให้บริจาคที่เข้ากันได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ต่างจากการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ไขกระดูก ที่จะต้องมีความเข้ากันได้ค่อนข้างสูง
อย่างเช่นในกรณีก่อนหน้านี้ ที่ผู้ป่วย 2 รายแรกหายจากการติดเชื้อ HIV ก็เป็นการปลูกถ่ายไขกระดูก ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่ามาก และมักใช้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากนี้ ในสหรัฐฯ ยังพบว่า ผู้บริจาคมักจะมีเชื้อชาติคอเคเซียน จึงทำให้จำกัดความหลากหลายของผู้ป่วยที่จะสามารถเข้ารับการรักษาได้ เนื่องจากเงื่อนไขที่ต้องมีความเข้ากันได้สูง
อย่างไรก็ดี การหายจากการติดเชื้อ HIV ของผู้ป่วยรายนี้ ทีมนักวิจัยไม่สามารถฟันธงได้ 100% ในขั้นนี้จึงยังอยากให้ใช้เป็นคำว่า ‘remission’ แทนที่จะเป็น ‘cure’ หรือหายขาด แต่ถ้าหากผ่านไปหลายปีแล้วพบว่าไม่มีอาการแสดงที่บ่งบอกการติดเชื้อใดๆ ถึงตอนนั้นก็อาจจะสรุปได้ว่าหายขาดจริงๆ
ถึงกระนั้น การรักษาครั้งนี้ถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับการรักษาการติดเชื้อ HIV โดยเฉพาะเมื่อผู้ป่วยมีเชื้อชาติผสม และเป็นผู้หญิง เพราะสะท้อนว่าวิธีการรักษาใหม่สามารถใช้กับผู้ป่วยที่มีภูมิหลังหลากหลายได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์ว่า การติดเชื้อ HIV มีแนวโน้มการดำเนินโรคไม่เหมือนกันในผู้ชายและผู้หญิง นอกจากนี้ ยังเคยมีการศึกษาในปี 2016 โดย amfAR มูลนิธิวิจัยโรคเอดส์ในสหรัฐฯ พบว่า มีผู้หญิงเพียง 11% เท่านั้นที่เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยรักษาโรค
การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ในรูปแบบใหม่นี้ จึงถือเป็นความหวังในการรักษาต่อไปเป็นวงกว้างมากขึ้น ดร.โคน ฟาน เบเซียน แพทย์ที่เป็นส่วนหนึ่งในทีมวิจัย เปิดเผยว่า “เราคาดว่าจะมีผู้ป่วยประมาณ 50 คนต่อปีในสหรัฐฯ ที่จะได้ประโยชน์จากกระบวนการรักษาชนิดนี้”
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2022/02/15/health/hiv-cure-cord-blood.html