เป็นก้าวที่สำคัญสำหรับความหลากหลายทางเพศในภูมิภาคตะวันออกกลาง หลังศาลรัฐธรรมนูญคูเวตมีคำตัดสินให้ยกเลิกกฎหมายที่ถูกนำมาใช้รังแกคนข้ามเพศ
ศาลรัฐธรรมนูญคูเวตมีคำสั่งเมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) ให้ยกเลิกมาตรา 198 ของประมวลกฎหมายอาญา ที่กำหนดให้ ‘การกระทำเลียนแบบเพศตรงข้าม’ และ ‘พฤติกรรมที่ “ไม่เหมาะสม” ในที่สาธารณะ’ เป็นอาชญากรรม มีโทษทั้งจำทั้งปรับ สูงสุดไม่เกิน 1 ปี โดยระบุว่าเป็นกฎหมายที่ละเมิดสิทธิที่จะมีเสรีภาพส่วนบุคลตามรัฐธรรมนูญ
กฎหมายดังกล่าว รัฐสภาลงมติให้บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2007 และตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา นักเคลื่อนไหวและองค์กรต่างๆ ก็มองว่าก่อให้เกิดปัญหามากมาย หลักๆ คือ เปิดช่องให้ตำรวจจับหรือรังแกใครก็ได้ที่ตำรวจมองว่ามีรูปลักษณ์ไม่เหมือนในบัตรประชาชน หรือกระทั่งเพียงเพราะเสียงไม่ทุ้มเหมือนผู้ชาย
จากการสัมภาษณ์ของฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch) ในปี 2011 พบว่า มีคนข้ามเพศ 39 คน จากที่สัมภาษณ์ทั้งหมด 40 คน ถูกจับกุมภายใต้มาตรา 198 นี้ และมีบางคนที่ถูกจับมากถึง 9 ครั้งด้วยกัน
นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังกลายเป็นดราม่าในวงกว้าง เมื่อ มาฮา อัลมูแตรี อินฟลูเอนเซอร์ชาวคูเวตโพสต์วิดีโอใน Snapchat อ้างว่าเธอโดนตำรวจจับกุมโดยพลการเป็นเวลากว่า 7 เดือนในปี 2019 ภายใต้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งเธอถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำชาย และยังถูกเจ้าหน้าที่ในเรือนจำข่มขืนและทุบตี
“ทั้งหมดนี้เพียงเพราะเป็นคนข้ามเพศหรือ” เธอถาม ถึงอย่างนั้น จากข้อมูลของแอมเนสตี้ อินเตอร์แนชั่นแนล (Amnesty International) หลังจากที่โพสต์วิดีโอออกไป เธอก็ต้องติดคุกอีกครั้ง ภายใต้กฎหมายเดิมร่วมกับกฎหมายโทรคมนาคม โดยครั้งนี้ถูกศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 ปี
สำหรับคำสั่งล่าสุดของศาลรัฐธรรมนูญ ลินน์ มาลูฟ รอง ผอ. ภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือของแอมเนสตี้ฯ ให้ความเห็นว่าเป็น “ความก้าวหน้าครั้งใหญ่สำหรับสิทธิคนข้ามเพศในภูมิภาคนี้” ขณะเดียวกันก็เน้นยำว่า เจ้าหน้าที่คูเวตต้องดำเนินการยกเลิกกฎหมายดังกล่าวอย่างถอนราก และต้องปล่อยตัว–ถอนข้อกล่าวหาคนข้ามเพศที่ถูกตั้งข้อหาภายใต้กฎหมายนี้โดยทันที
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/2022/02/16/world/middleeast/kuwait-overturns-transgender-law.html