การปิดกั้นเสรีภาพถือเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ด้วยเหตุนี้สองนักเรียนสหรัฐฯ จึงลุกขึ้นมาฟ้องเขตการศึกษาของรัฐมิสซูรี สหรัฐฯ ที่แบนหนังสือออกจากห้องสมุดของโรงเรียน
สหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกันในรัฐมิสซูรี (ACLU) ดำเนินการในนามของนักเรียนทั้งสองคน และฟ้องร้องต่อเขตโรงเรียนเวนท์ซวิลล์ที่แบนหนังสือ 8 เล่มออกจากห้องสมุด โดยบอกว่าหนังสือเหล่านั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาติพันธุ์และเพศ
แอนโทนี รอทเทอร์ (Anthony Rothert) ผอ.ฝ่ายสนับสนุนแบบบูรณาการของ ACLU ระบุว่า คณะกรรมการของโรงเรียนไม่สามารถแบนหนังสือ เพียงเพราะหนังสือและตัวละครเหล่านั้นแสดงให้เห็นมุมมองที่แตกต่างจากคณะกรรมการโรงเรียนได้ โดยเฉพาะเมื่อหนังสือเหล่านี้นำเสนอให้เห็นถึงมุมมองของชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และอัตลักษณ์ทางเพศ
“บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ 1 ปกป้องสิทธิที่จะแบ่งปันความคิด รวมถึงสิทธิในการรับรู้ข้อมูลและข่าวสารของผู้คน เราต้องปกป้องสิทธินี้ รวมถึง ปกป้องสิทธิของนักการศึกษาและนักเรียนในการที่จะพูดและเรียนรู้เกี่ยวกับชาติพันธุ์และเพศในโรงเรียน”
รอทเทอร์ยังกล่าวอีกว่า เขตการศึกษาแห่งนี้รับเอานโยบายที่ง่ายต่อการนำหนังสือที่ออกไปจากห้องสมุด ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม และยังระบุด้วยว่า สิทธิในการแบนหนังสือออกจากห้องสมุดตกอยู่ในมือของกลุ่มคนที่ต้องการกำจัดทัศนคติอื่นๆ ของใครก็ตามที่ไม่ใช่ผู้ชายสเตรทผิวขาวออกไปจากโรงเรียน
ขณะที่ ทราซี ฮอล์ (Tracie Hall) กรรมการบริหารสมาคมห้องสมุดอเมริกัน กล่าวว่า มันเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำให้เด็กๆ เข้าถึงโลกการอ่านได้อย่างอิสระ เพราะจะเป็นการช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าใจปัญหาได้ ก่อนจะต้องเผชิญกับปัญหาในโลกความเป็นจริง
สำหรับหนังสือที่ถูกแบนคือ ‘The Bluest Eye’ วรรณกรรมจากโทนี่ มอร์ริสสัน (Toni Morrison) นักเขียนหญิงผิวดำผู้เป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญของการต่อสู้เพื่อสิทธิคนดำในสหรัฐฯ และยังเป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ในปี 1993
นอกจากนี้ ยังมีหนังสืออื่นๆ ที่ถูกแบนอีกด้วย ได้แก่ All Boys Aren’t Blue, Fun Home: A Family Tragicomic Paperback, Heavy: An American Memoir, Lawn Boy, Modern Romance, Invisible Girl และ Gabi, A Girl in Pieces
อ้างอิงจาก