เป็นสัญญาณที่บ่งบอกให้หลายๆ ฝ่ายต้องปรับตัว หลังมีผลสำรวจทั่วโลกเปิดเผยว่า ประชากรโลก 3 ใน 4 อยากเห็นการแบนพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นจากปีที่ผ่านมา
Ipsos บริษัทวิจัยการตลาดสัญชาติฝรั่งเศส เผยแพร่ผลการสำรวจที่ได้ไปสอบถามประชากรวัยผู้ใหญ่อายุไม่เกิน 75 ปี จำนวน 20,513 คนจาก 28 ประเทศทั่วโลก พบว่า ประชากร 75% อยากให้แบนพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ที่มีสัดส่วน 71%
ขณะที่ประชากรที่บอกว่าจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแพคเกจพลาสติกน้อยกว่า มีสัดส่วน 82% เพิ่มขึ้นจาก 75% นอกจากนี้ ยังพบว่า โดยเฉลี่ย 88% เชื่อว่าจำเป็นต้องมีสนธิสัญญาระหว่างประเทศเพื่อรับมือกับปัญหามลพิษจากพลาสติกอีกด้วย
สจวร์ต คลาร์ค ผู้อำนวยการ Ipsos Australia ให้ความเห็นว่า “คนอยากจะทำสิ่งที่ถูกต้อง” และ “พวกเขาต้องการให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยเร็ว ขณะเดียวกันก็ต้องการให้รัฐบาลของพวกเขาช่วยสนับสนุนด้วย”
ผลการสำรวจชิ้นนี้ถือว่าออกมาได้ถูกจังหวะ เพราะปลายเดือนนี้กำลังจะมีการเจรจาเรื่องสนธิสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยมลพิษพลาสติก ในที่ประชุมสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UN Environmental Assembly) ซึ่งเริ่มต้นในวันที่ 28 ก.พ. นี้ ที่กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา และว่ากันว่าเป็นความพยายามทางการทูตสิ่งแวดล้อมอีกครั้งที่สำคัญที่สุดต่อจากความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในปี 2015 เลยทีเดียว
ความเห็นของประชากรโลกในเรื่องนี้จึงอาจจะเป็นหลักฐานให้รัฐบาลผลักดันสนธิสัญญาดังกล่าว มาร์โค แลมเบอร์ทีนี ผู้อำนวยการใหญ่องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) ระบุว่า “โอกาสและหน้าที่มาถึงแล้วที่รัฐบาลประเทศต่างๆ จะรับเอาสนธิสัญญาว่าด้วยพลาสติกโลก … เราจะได้กำจัดมลพิษจากพลาสติกกันเสียที”
อ้างอิงจาก
https://www.ipsos.com/en/attitudes-towards-single-use-plastics