เมื่อเทคโนโลยีสร้างรูปเหมือน ดันเหมือนกว่าตัวจริง! งานวิจัยพบ คนส่วนใหญ่ไม่สามารถแยกใบหน้าจริง กับใบหน้าที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี Deep Fake ได้
โซฟี ไนติงเกลจากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ ในสหราชอาณาจักรและฮานี ฟาริด จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ได้ทำการทดสอบความสามารถในการแยกรูปคนจริงๆ กับรูปที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี Deep Fake กับอาสาสมัครจำนวน 315 คนทั้งหมด 3 ครั้ง
โดยในครั้งแรก นักวิจัยของให้อาสาสมัครทั้งหมดพิจารณาภาพถ่ายคนจริง และภาพถ่ายที่สร้างขึ้น ก่อนจะพบว่ามี 48.2% ของผู้ร่วมทดสอบเลือกใบหน้าที่ถ่ายขึ้นจริง ขณะที่มากกว่าครึ่งเชื่อถือภาพถ่ายที่สร้างจาก Deep Fake มากกว่า
ในการทดสอบครั้งที่ 2 มีผู้เข้าร่วม 219 คน ทั้งหมดได้รับคำบอกใบ้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้พวกเขาคาดเดาได้ง่ายขึ้น ซึ่งคะแนนการทดสอบก็ดีขึ้นตามลำดับเช่นกัน โดยมีคนที่ตอบถูกถึง 59%
แต่ที่น่าสนใจคือการทดสอบครั้งที่ 3 ซึ่งมีผู้เข้าร่วม 223 คน รอบนี้นักวิจัยให้อาสาสมัครให้คะแนนความเชื่อถือและความไว้วางใจระหว่าง 2 ใบหน้าว่าพวกเขาเชื่อมั่นใจภาพถ่ายจริงหรือ Deep Fake มากกว่ากัน ปรากฏว่าอาสาสมัครให้คะแนนใบหน้าปลอมมากกว่า (แม้จะแค่เล็กน้อย) แต่นักวิจัยระบุว่านี่สะท้อนให้เห็นความน่ากังวลของเทคโนโลยีที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของมนุษย์ในอนาคต
ทีมวิจัยระบุว่า ใบหน้าของคนขาว ทั้งชายและหญิงเป็นใบหน้าที่คนแยกออกยากที่สุด ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพราะการสร้างใบหน้าสังเคราะห์ใช้ข้อมูลจากคนขาวเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มันสร้างขึ้นมาได้เหมือนจริงมากกว่า
นับตั้งแต่ Deep Fake เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น บริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ก็พยายามพัฒนาระบบเพื่อป้องกันปัญหาการปลอมแปลงใบหน้าเพื่อหลอกลวงคนในโซเชียลมีเดีย แต่ขณะที่เทคโนโลยีป้องกันกำลังพัฒนาไป Deep Fake เองก็ไม่หยุดก้าวหน้าเช่นกัน จึงยังไม่สามารถจัดการปัญหานี้อย่างเด็ดขาดได้
แล้วคุณล่ะ ถ้าดูรูปแบบไม่มีเฉลยจะแยกออกไหมว่าอันไหนของจริงหรือของปลอม?
อ้างอิงจาก
https://www.vice.com/…/people-trust-deepfake-faces-more…
https://www.pnas.org/content/119/8/e2120481119