เสียงระเบิดดังขึ้นหลายจุด ไม่นานหลังจากปูตินประกาศทำปฏิบัติการพิเศษผู้คนตกอยู่ในความกระวนกระวาย ความขัดแย้งเดินทางมาถึงจุดที่รัสเซีย เปิดฉากโจมตียูเครนแล้วในวันนี้ ความขัดแย้งนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร แล้วจะกระทบชีวิตพวกเราอย่างไรบ้าง? The MATTER สรุปในโพสต์นี้
1) ในยุคสหภาพโซเวียต ยูเครนถือว่ามีความสำคัญกับรัสเซียมาตั้งแต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ในฐานะสาธารณรัฐที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 และมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสอง 2 รองจากรัสเซีย รวมถึงมีอัตลักษณ์และวัฒนธรรมใกล้ชิดกับรัสเซียมากที่สุด แตกต่างจากสาธารณรัฐในเอเชียกลางที่เป็นประเทศมุสลิม สหภาพโซเวียตจึงขาดยูเครนไปไม่ได้
2) เมื่อชาวยูเครนลงประชามติประกาศตัวเป็นเอกราชจากสหภาพโซเวียตเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 1991 โดยมีมติเป็นเสียงส่วนใหญ่ถึง 92.3% ก็อาจกล่าวได้ว่า นั่นคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตต้องปิดฉากลง ซึ่งยืนยันโดยปากคำของประธานาธิบดีคนแรกของสหพันธรัฐรัสเซีย บอริส เยลต์ซิน ที่บอกว่า สหภาพโซเวียตจะรับภาระไม่ไหว – โดยเฉพาะภาระทางเศรษฐกิจ – หากปราศจากยูเครนไป
3) ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มสลายลง แต่ผู้นำรัสเซียยังคงต้องการให้ยูเครนอยู่ภายใต้อิทธิพลของรัสเซียต่อไป และเราจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดจากบทความของ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียคนปัจจุบัน ในหัวข้อ “On the Historical Unity of Russians and Ukrainians” (“ว่าด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกันทางประวัติศาสตร์ของชาวรัสเซียและยูเครน”) ที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2021
4) ในบทความดังกล่าว ปูตินเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า “ข้าพเจ้าเคยบอกว่าชาวรัสเซียและยูเครนคือคนกลุ่มเดียวกัน – เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คำพูดเหล่านี้ไม่ได้มาจากการหวังผลระยะสั้นหรือบริบททางการเมืองในปัจจุบัน แต่คือสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เคยกล่าวในหลายๆ โอกาส และเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า”
ในส่วนต่อมาของบทความ ปูตินร่ายยาวถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของความใกล้ชิดระหว่างยูเครนและรัสเซีย โดยมีที่มาทั้งหมดจากข้ออ้างที่ว่า ชาวรัสเซีย ยูเครน รวมถึงเบลารุส ต่างก็สืบเชื้อสายมาจากจักรวรรดิรุสเคียฟด้วยกัน ในสมัยนั้น กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ ต่างก็มีสายใยทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกัน นับถือนิกายออร์ทอดอกซ์เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังพูดภาษาเดียวกัน
5) อย่างไรก็ดี ภายหลังจากประกาศแยกตัวออกจากสหภาพโซเวียต ยูเครนก็พยายามปลีกตัวออกจากอิทธิพลของรัสเซีย และเข้าหาตะวันตกมากขึ้น โดยเฉพาะหลังเกิดการปฏิวัติสีส้ม (Orange Revolution) ในปี 2005 ที่นำมาสู่ขึ้นสู่อำนาจของประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยูชเชนโก ซึ่งชูนโยบายเข้าหาสหภาพยุโรป (EU) รวมถึงพยายามเข้าเป็นสมาชิก NATO ด้วย แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ
6) หมุดหมายสำคัญอันหนึ่งของวิกฤตในยูเครน คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2014 ในสมัยของประธานาธิบดี วิกเตอร์ ยานูโควิช ซึ่งมีท่าทีค่อนไปทางเอาใจรัสเซีย ในปี 2013 ยานูโควิชพยายามล้มเลิกข้อตกลงที่ทำกับ EU และฟื้นสัมพันธ์กับรัสเซียมากยิ่งขึ้น จนส่งผลให้ประชาชนรวมตัวประท้วงในการชุมนุมที่มีชื่อเรียกว่า ‘ยูโรไมดาน’ (Euromaidan) จนกระทั่งรัฐสภามีมติถอดถอนยานูโควิชในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2014 ซึ่งก็เป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความไม่พอใจอย่างหนักให้กับทางฝั่งของรัสเซีย
7) เหตุการณ์การโค่นล้มรัฐบาลของยานูโควิชทั้งหมด มีชื่อเรียกรวมๆ ว่า การปฏิวัติแห่งศักดิ์ศรี (Revolution of Dignity) มีจุดแตกหักเกิดขึ้นที่ไครเมียเป็นผลลัพธ์ตามมา ปฏิกิริยาของรัสเซียในเรื่องนี้ที่ต้องการมีอิทธิพลเหนือยูเครนอยู่แล้ว คือ เคลื่อนทัพเข้ายึดคาบสมุทรไครเมียของยูเครนที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย
หลังจากนั้นไม่นาน ไครเมียได้จัดให้มีการลงประชามติอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 มีนาคม 2014 โดยมีมติส่วนใหญ่ให้รวมไครเมียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย จนในที่สุดนำมาสู่การลงนามสนธิสัญญาผนวกรวมไครเมียในวันที่ 18 มีนาคม
8 ) ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับตะวันตกก็ยิ่งย่ำแย่ลง ไครเมียกลายเป็นหลักฐานให้ยูเครนชูประเด็นเพื่อผลักดันเรื่องการเข้าร่วม NATO มากกว่าเดิม
นอกจากบุกรุกไครเมียแล้ว รัสเซียก็ยังสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบัสทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งเกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน ยิ่งผลักไสให้ยูเครนใกล้ชิดกับตะวันตกมากยิ่งขึ้น จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่าง กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในลูฮันสก์ และดอแนตสก์ กับกองทัพยูเครนอยู่เรื่อยๆ
ความขัดแย้งระหว่างยูเครน กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในดอนบัส (ที่มีรัสเซียคอยสนับสนุน จะกลายเป็นวิกฤตใหญ่ในเวลานี้
9) อาจบอกได้แม้กระทั่งว่า ปูตินอยากจะเห็นรัสเซียกลับมายิ่งใหญ่เหมือนคราวสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า รัสเซียกับยูเครนไม่อาจพรากจากกันได้ เพราะถือว่าเป็นหนึ่งเดียวกันมาตั้งแต่ต้น
10) ปูตินใช้เหตุผลเช่นนี้กับการกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบาสด้วยเช่นกัน ที่ผ่านมา ปูตินบอกว่า ผู้คนในดอแนตสก์และลูฮันสก์ ควรจะได้รับการปกป้องเพราะพวกเขาคือ ‘ชาวรัสเซีย’
11) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปูติน ได้ลงนามรับรองการแบ่งแยกดินแดนสาธารณรัฐประชาชนดอแนตสก์ (DNR) และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ (LNR) ในภูมิภาคดอนบาส ว่าเป็น ‘รัฐเอกราช’ พร้อมกับตอกย้ำอีกด้วยว่า ยูเครนในยุคใหม่ เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะ “ถูกสร้างขึ้นมาโดยรัสเซีย”
12) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหาร (Executive Order) โดยทันที เพื่อตอบโต้การรองรับแบ่งแยกดินแดนของรัสเซีย โดยออกเป็นมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจบางส่วนเพื่อกดดันภูมิภาคดอนบาส เช่น ห้ามลงทุน นำเข้า หรือส่งออกไปยังภูมิภาค
13) นอกจากสหรัฐฯ แล้ว ชาติยุโรปก็เริ่มตอบโต้รัสเซียด้วยมาตรการทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเยอรมนีได้ระงับโครงการใหญ่อย่างท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อก๊าซจากรัสเซียเข้าสู่เยอรมนีโดยตรงแล้ว
14) วันนี้ (24 ก.พ.65) ปูตินประกาศผ่านทีวีว่า จะนำกองทัพรัสเซียไป “ปฏิบัติการทางทหาร” ที่ตะวันออกของยูเครน สอดคล้องกับจุดยืนที่อ้างมาตลอดว่า ต้องการเข้าไป “รักษาสันติภาพ” ในบริเวณดังกล่าว
ปูตินบอกด้วยว่า รัสเซียไม่มีเป้าหมายที่จะยึดครองยูเครน และถ้ามีประเทศใดเข้ามาแทรกแซงปฏิบัติการครั้งนี้ รัสเซียจะตอบโต้ด้วยมาตรการที่ประเทศเหล่านั้นไม่เคยเจอมาก่อนอย่างแน่นอน
เขาต้องการเพียงแค่ปลดแอกลูฮันสก์ และดอแนตสก์ ออกจากยูเครน เพียงแค่นั้นจริงๆ รึเปล่า?
15) ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายมองว่า เหตุผลที่แท้จริงอาจจะเป็น การพยายามแสดงออกถึงความไม่พอใจ ที่ NATO เข้ามาแผ่อิทธิพลในยุโรปตะวันออกมากจนใกล้รัสเซียมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับรัสเซีย ประเด็น NATO ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องที่ยูเครนจะเข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ซึ่งรัสเซียมองว่าเป็น “เส้นสีแดง” ที่จะข้ามไม่ได้ ปูตินเคยเตือนสหรัฐฯ ในปี 2008 ว่า “ไม่มีผู้นำรัสเซียคนไหนจะยอมยืนอยู่เฉยในขณะที่ยูเครนก้าวเข้ามาเป็นสมาชิก NATO นั่นถือเป็นการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซีย”
16) NATO หรือ ‘North Atlantic Treaty Organization’ (องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ) คือพันธมิตรทางการทหารที่ก่อตั้งเมื่อปี 1949 โดย 12 ประเทศสมาชิก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา เบลเยียม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอซ์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ และโปรตุเกส โดยในปัจจุบันมีสมาชิกมากถึง 30 ประเทศ
17) หลักการหนึ่งที่สำคัญที่สุดของ NATO ก็คือ หลักการป้องกันร่วม (collective defense) นั่นหมายความว่า หากมีการโจมตีประเทศใดประเทศหนึ่งที่เป็นสมาชิก ก็จะถือว่าเป็นการโจมตีทุกๆ ประเทศใน NATO และจะต้องเป็นหน้าที่ของแต่ละประเทศในการส่งกองกำลังหรือออกมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือในการตอบโต้
18) ฉะนั้น หากยูเครนได้เป็นสมาชิกส่วนหนึ่งของ NATO ได้จริงๆ ก็จะช่วยให้ยูเครนป้องกันการโจมตีของรัสเซียได้อย่างมาก และจะช่วยดึงยูเครนออกจากอิทธิพลและการครอบงำของรัสเซียได้อย่างมีนัยสำคัญ
ที่ผ่านมารัสเซียมองว่า NATO เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัสเซียมาโดยตลอด และยิ่งรัสเซียมองว่า NATO “ขยาย” มาทางทิศตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะยิ่งกระทบกับรัสเซียในแบบที่จะนิ่งเฉยไม่ได้
19) โดยเฉพาะเมื่อปูตินมักจะอ้างคำสัญญาอันโด่งดังที่ เจมส์ เบเกอร์ รมต.กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เคยให้ไว้กับ มิคาอิล กอร์บาชอฟ ผู้นำสหภาพโซเวียตในปี 1990 ว่า NATO จะ “ไม่ขยายมาทางตะวันออกแม้แต่นิ้วเดียว” ซึ่งแน่นอนว่าในมุมมองของปูติน NATO ได้ขยับเข้ามาหลายนิ้วแล้ว ถือว่าผิดสัญญากันซึ่งๆ หน้า
(อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกัน โดยมีผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่า ประโยคดังกล่าวอยู่ในบริบทของการพูดคุยเรื่องการรวมชาติเยอรมนีตะวันออก-ตะวันตก และการเป็นสมาชิก NATO ของเยอรมนีหลังรวมชาติ ไม่เกี่ยวข้องกับการรับอดีตประเทศที่เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของโซเวียตเข้าเป็นสมาชิก NATO อย่างในปัจจุบัน)
20) เมื่อไม่นานมานี้ รัสเซียได้ยื่นข้อเรียกร้องในรูปแบบร่างสนธิสัญญาต่อสหรัฐฯ และ NATO เพื่อถามหาหลักประกันเป็นลายลักษณ์อักษร และมีผลผูกพันในเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงของรัสเซีย เช่น ห้าม NATO ขยายมาทางทิศตะวันออกอีก ห้ามวางกำลังทางการทหารนอกพรมแดนของตนในรูปแบบที่อีกฝ่ายอาจมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคง ให้จำกัดการวางขีปนาวุธในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งห้ามสมาชิก NATO ทำการซ้อมรบในยูเครนและประเทศยุโรปตะวันออกอื่นๆ เป็นต้น (ซึ่งแน่นอนว่า NATO และสหรัฐฯ ไม่ยอมรับข้อเรียกร้องดังกล่าว)
ความขัดแย้งรอบนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ รัสเซีย VS ยูเครน เท่านั้น แต่ในฉากหลังยังเป็นความขัดแย้งกับ สหรัฐฯ NATO และชาติพันธมิตรในยุโปรอีกด้วย ขณะเดียวกัน หลายฝ่ายก็จับตาท่าทีของจีนด้วยเหมือนกันว่าจะออกมาอย่างไร
วิกฤตความขัดแย้งครั้งนี้ ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกผันผวน หลายฝ่ายวิเคราะห์กันว่า เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าย่อมกระทบต่อค่าครองชีพของผู้คนจำนวนมาก รวมทั้งในประเทศไทย
ความขัดแย้งนี้จะไปต่ออย่างไร? จะจบที่ตรงไหน? พวกเราคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
อ้างอิงจาก
http://en.kremlin.ru/events/president/news/66181
https://www.aljazeera.com/…/five-things-to-know-about…
https://www.ft.com/…/0cbbd590-8e48-4687-a302-e74b6f0c905d
https://www.nytimes.com/…/russia-ukraine-nato-europe.html
https://www.nytimes.com/…/ukraine-russia-putin-zelensky…
https://www.washingtonpost.com/…/russia-ukraine-updates/
https://www.wsj.com/…/russia-ukraine-putin-nato…
https://www.independent.co.uk/…/russia-ukraine-news-war…
https://www.bloomberg.com/…/putin-decides-to-conduct…
#recap #russia #ukraine #รัสเซีย #ยูเครน #TheMATTER