หลังระบาดมานานกว่า 2 ปี อีกทั้งประชากรส่วนใหญ่ยังได้รับวัคซีนกันครบเกณฑ์ กระทรวงสาธารณสุขไทยจึงเห็นชอบให้ดำเนินแผนเปลี่ยนโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น เพื่อสร้างสมดุลการจัดสรรทรัพยากรทางการแพทย์ระหว่างโรคระบาด และโรคทั่วไป เพื่อไม่ให้กลุ่มไหนถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลัง
ในวันที่ 1 มีนาคมที่จะถึงนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่งให้โรงพยาบาลทั่วประเทศปรับวิธีการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ให้เข้ากับสถานการณ์
โดยกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ปัจจุบันโควิด-19 สายพันธุ์หลักที่ระบาดในไทยตอนนี้เป็นโอไมครอน ซึ่งหลังจากประเมินพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ประมาณ 90-95% ไม่มีอาการ หรืออาการไม่รุนแรง มีเพียง 4-5% เท่านั้นที่อาการรุนแรง จึงเห็นชอบให้ปรับรูปแบบการรักษา
จากเดิมมีแนวทางรักษา 2 รูปแบบคือ ผู้ป่วยสีแดง เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และผู้ป่วยสีเขียว รักษาตัวที่บ้านหรือทำ Home Isolation ให้เพิ่มแนวทางรักษาอีก 1 รูปแบบคือ การรักษาในแบบผู้ป่วยนอก หรือ OPD
การรักษาแบบ เข้าโรงพยาบาล, Home Isolation และ OPD แตกต่างอย่างไร The MATTER จะอธิบายให้ฟัง
โรงพยาบาล
– เหมาะสำหรับผู้มีอาการรุนแรง
– อยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ ประเมินอาการและรักษาอย่างต่อเนื่อง
Home Isolation
– สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย หรือปานกลาง
– แยกกักตัวที่บ้าน
– จ่ายยาตามอาการ
– โทรติดตามอาการทุกวัน
– อุปกรณ์ตรวจประเมินความเสี่ยง เช่น ปรอทวัดไข้ เครื่องวัดออกซิเจนในกระแสเลือก
– ยังมีระบบส่งต่อเมื่ออาการเข้าขั้นวิกฤต
– มีอาหารให้บริการ
OPD
– สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ หรืออากาศเล็กน้อย
– แยกกักตัวที่บ้าน
– จ่ายยาตามอาการ
– โทรติดตามอาการครั้งเดียว หลังครบ 48 ชั่วโมง
– ไม่มีอุปกรณ์ตรวจประเมินความเสี่ยง
– ยังมีระบบส่งต่อเมื่ออาการเข้าขั้นวิกฤต
– ไม่มีอาหารให้บริการ
สำหรับกรณีเข้ารับการรักษาแบบ OPD หากผู้มีความเสี่ยงสูงตรวจหาเชื้อด้วยชุด ATK แล้วพบผลเป็นบวก แพทย์จะพิจารณาและจ่ายยารักษาที่เหมาะสมตามอาการ ซึ่งจะแบ่งเป็น 1.ยาฟาวิพิราเวียร์ 2.ยาฟ้าทะลายโจร และ 3.ยารักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ เป็นต้น แล้วให้ผู้ป่วยกลับไปรักษาตัวเองในที่กักตัวจนหายจากอาการป่วย
อ้างอิงจาก
https://www.isranews.org/…/106923-isranews-1000-216.html
https://www.facebook.com/…/a.21018140…/2365592423582436/
https://www.facebook.com/fanmoph/videos/7598933530124205/