ผ่านมาเกือบ 1 สัปดาห์นับตั้งเกิดการปะทะกันระหว่างรัสเซียและยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมาเราจะเห็นประเทศต่างๆ ทั้งฝั่งยุโรป เอเชีย อเมริกาเริ่มออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือยูเครน ทำให้หลายคนอดจับตามองไทย และประเทศสมาชิกอาเซียนไม่ได้ว่าจะมีความเห็นอย่างไรกับกรณีพิพาทในครั้งนี้
The MATTER จะพาไปดูจุดยืนและท่าทีของประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) และ 10 ประเทศสมาชิก ได้แก่ ไทย เมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว กัมพูชา และบรูไน ว่าแต่ละชาติออกเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง
#ประชาคมอาเซียน
แถลงการณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนถึงสถานการณ์ยูเครนที่ออกมาเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ (หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างยูเครนและรัสเซีย 2 วัน) โดยระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียกังวลต่อสถานการณ์ในยูเครน และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจ แก้ปัญหาอย่างสันติวิธีด้วยวิธีการเจรจา และการทูต
“เราเชื่อว่ายังมีที่ว่างหลงเหลือสำหรับการเจรจาอย่างสันติวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่ยากจะควบคุม ทุกฝ่ายจะต้องยึดถือหลักการเคารพสิทธิ อำนาจอธิปไตย ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในดินแดน และความเท่าเทียมกันของทุกชนชาติ เพื่อให้เกิดสันติภาพ ความมั่นคง และการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก”
หลังจากแถลงการณ์ดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเองก็มองว่าท่าทีของอาเซียนไม่ได้น่าประหลาดใจเสียเท่าไหร่ ขณะที่บางคนก็ผิดหวัง เพราะตลอดเนื้อหา ไม่มีการพูดถึงรัสเซีย อีกทั้งยังปฏิเสธที่จะเรียกปฏิบัติการทหารของรัสเซียว่าเป็นการบุกรุก รวมถึงการบอกว่าขอให้ ‘ทุกฝ่าย’ ยับยั้งชั่งใจ ทั้งที่ยูเครนจะเป็นฝ่ายถูกโจมตี และโดนเคลื่อนพลเข้ามาในดินแดนของตัวเอง
(อ่านแถลงฉบับเต็มได้ที่ : https://asean.org/wp-content/uploads/2022/02/ASEAN-FM-Statement-on-Ukraine-Crisis-26-Feb-Final.pdf )
ดีเรก กรอสแมน นักวิเคราะห์ถึงสถานการณ์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสังกัดแรนด์คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า คาดการณ์ว่าอาเซียนไม่สามารถพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่จะวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียต่อบุกรุกยูเครนได้และกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับการไม่ทำอะไรเลย”
#ไทย
ไทยเองแสดงจุดยืนที่ไม่น่าประหลาดใจเท่าไหร่เช่นกัน หลังเมื่อวานนี้ (1 มีนาคม 2565) นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชาให้สัมภาษณ์ว่าถึงกรณีนี้ว่า จะยึดกลไกของอาเซียนเป็นหลัก แต่ทางรัฐบาลก็ได้เตรียมหามาตรการรองรับไว้แล้วในกรณีที่ได้อาจได้รับผลกระทบ ส่วนของการแสดงจุดยืนในเวทีโลกต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง พร้อมบอกว่าสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญที่สุด คือร่วมหาทางออกเพื่อให้ความขัดแย้งยุติลงโดยเร็วที่สุด
ขณะที่ดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ดูสถานการณ์ ซึ่งหลายชาติเริ่มออกมาประณาม ไทยอาจต้องปรับเปลี่ยนท่าที แต่ยังมุ่งเน้นที่จะหาทางออกร่วมกันอย่างสันติ ไม่เพียงแค่ประณามอย่างเดียว
#เมียนมา
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พลตรี ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับหนังสือพิมพ์ The New York Times และสำนักข่าว VOA Burmese โดยบอกว่า “รัสเซียทำเพื่อรักษาอำนาจอธิปไตยของตัวเอง ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ” ถือเป็นการแสดงจุดยืนแรกนับตั้งแต่เกิดการปะทะระหว่างยูเครนและรัสเซียอย่างเป็นทางการ
ขณะที่รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (National Unity Government หรือ NUG) ของเมียนมา ออกแถลงประณามการโจมตีของรัสเซียอย่างรุนแรง
สำนักข่าว VOA เปิดเผยว่า กองทัพเมียนมาและรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น รัสเซียเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่สนับสนุนคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนของเมียนมาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 อีกทั้งเมื่อเดือนมิถุนายน 2564 พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ก็ได้เยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการ
#มาเลเซีย
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลมาเลเซียออกมาแสดงความกังวลถึงสถานการณ์ความรุนแรงในยูเครน แต่ไม่ได้เปิดหน้าประณามรัสเซีย รวมถึงไม่ออกมาตรการคว่ำบาตรใดๆ อย่างไรก็ตาม วันนี้ (2 มีนาคม 2565) สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาเลเซียตัดสินใจไม่อนุญาตในเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติรัสเซีย (ที่อยู่ในแบล็คลิสคว่ำบาตรของสหรัฐฯ) ที่มีกำหนดการจะมาถึงในช่วงสุดสัปดาห์นี้เข้ามาจอด เพื่อไม่ให้ละเมิดมาตรการคว่ำบาตร
โดยกระทรวงคมนาคมของมาเลเซียกล่าวว่า กระทรวงจะจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อพิจารณานโยบายและมาตรการอื่นๆ ต่อไป ขณะที่ อวน เกรแฮม นักวิจัยอาวุโสจากสถาบัน International Institute for Strategic Studies มองว่า แนวทางของมาเลเซียเป็นการพยายามสร้างสมดุลทางอำนาจระหว่างรัสเซีย และสหรัฐฯ ที่เดินหน้ากดดันให้มาเลเซียออกมาตรการคว่ำบาตรจริงจัง
#อินโดนีเซีย
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 เร็ตโน มาร์ซูดี รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเธอบอกว่า ทั้ง 2 ประเทศเปรียบเสมือนเพื่อนสนิทของอินโดนีเซีย
ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอินโดนีเซียออกแถลงการณ์ว่ามีความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเรียกร้องให้ทั้ง 2 ชาติแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยวิธีการทางการทูต พร้อมแสดงจุดยืนว่า “ขอประณามทุกการกระทำที่จงใจละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนและอำนาจอธิปไตยของประเทศ”
อย่างไรก็ตาม โฆษกบอกว่าอินโดนีเซียจะไม่คว่ำบาตรรัสเซียเร็วๆ นี้ “เราจะไม่ปฏิบัติตามประเทศอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า เราจะตัดสินใจโดยพิจารณาถึงผลประโยชน์ของประเทศและพิจารณาว่าการคว่ำบาตรจะแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่”
#ฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์ได้ลงคะแนนสนับสนุนมติในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) ที่ “ประณาม” การรุกรานยูเครนของรัสเซีย พร้อมทั้งเน้นย้ำความสำคัญของ “หลักอธิปไตย และความเท่าเทียมของอธิปไตยระหว่างรัฐที่สลักอยู่ในกฎบัตรสหประชาชาติ”
นี่นับว่าเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของฟิลิปปินส์ หลังเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ กระทรวงต่างประเทศออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศเร่งหารือเพื่อแก้ไขความขัดแย้งด้วยการเจรจาอย่างสันติ
#สิงคโปร์
สิงคโปร์เป็นชาติแรกในอาเซียนที่ประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย โดยเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ วิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ออกแถลงว่า สิงคโปร์จะออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียร่วมกับประเทศอื่นๆ จะระงับธนาคารและการทำธุรกรรมทางการเงินกับรัสเซียบางส่วน รวมถึงจำกัดการส่งออกสินค้าที่สามารถนำไปพัฒนาเป็นอาวุธให้กองทัพเพื่อต่อสู้กับยูเครน
นอกจากนี้สิงคโปร์แอร์ไลน์ สายการบินแห่งชาติยังยกเลิกเที่ยวบินไปกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เช่นเดียวกับมาตรการของหลายๆ ชาติในยุโรป
#เวียดนาม
เวียดนามเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซีย จึงไม่น่าแปลกใจมากนักที่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนใดๆ ออกมา นอกจาก เลถี ทูหั่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทุกฝ่าย ‘ยับยั้งชั่งใจ’ ในการเจรจาและแนวทางทางการทูตมาแก้ปัญหาอย่างสันติ เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งคล้ายกับแถลงการณ์ของอาเซียน
นอกจากการเคลื่อนไหวดังกล่าว ก็มีเพียงรัฐบาลเวียดนามหารือกันเพื่อจัดส่งเครื่องบินไปช่วยเหลือพลเมืองที่ติดค้างในยูเครนที่อาจได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรง
#ลาว
เช่นเดียวกับเวียดนาม รัฐบาลของลาวก็ได้ออกแถลงการณ์ในลักษณะเดียวกันคือ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยับยั้งชั่งใจ และพยายามลดบรรยากาศตึงเครียดที่อาจนำมาสู่ความรุนแรง และเป็นภัยความมั่นคงระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ลาวยังสนับสนุนให้ใช้วิธีการทางการทูตเพื่อหาข้อยุติกรณีพิพาทดังกล่าว ซึ่งจากแถลงทั้งหมดจะเห็นได้ว่าไม่มีการเอ่ยโทษหรือกล่าวถึงรัสเซียออกมาตรงๆ
#กัมพูชา
กัมพูชาในฐานะของประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ยังไม่แสดงจุดยืนเข้าข้างฝ่ายใด และให้ความเห็นสั้นๆ เพียงต้องการเห็นทั้งยูเครนและรัสเซียหันหน้าเจรจากัน เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสม หลีกเลี่ยงกันใช้กำลังทางทหารรวมถึงความรุนแรงในรูปแบบอื่นๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์
ขณะที่นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ในทิศทางเดียวกันว่า การเจรจาอย่างสันติคือทางออกของปัญหา
#บรูไน
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ บรูไนได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน พร้อมบอกว่า “ประเทศบรูไนขอประณามการละเมิดอำนาจอธิปไตย เสรีภาพ และบูรณภาพแห่งดินแดน และขอย้ำถึงความสำคัญของการรักษาหลักการรักษาซึ่งกฎระเบียบและเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ”
ในแถลงการณ์ยังบอกอีกว่า บรูไนเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องลดความตึงเครียด และยุติปฏิบัติการใดๆ ก็ตามที่อาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก
จนถึงตอนนี้ยังมีอีกหลายชาติในอาเซียนที่ยังไม่ออกมาแถลงจุดยืนที่ชัดเจนเกี่ยวกับเหตุรุนแรงในยูเครน ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไปว่า ประเทศต่างๆ จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป หลังบรรยากาศการเมืองโลกเริ่มเข้มข้นมากขึ้น อีกทั้งสถานการณ์ระหว่าง 2 ชาติก็ดูยังไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายในเร็ววัน
อ้างอิงจาก
https://www.rfa.org/english/news/cambodia/ukraine-asean-02282022173731.html
https://www.dailynews.co.th/news/812971/
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2328322
https://www.voanews.com/a/russia-s-ukraine-invasion-rattles-asian-geopolitics/6464430.html
https://laotiantimes.com/2022/02/26/laos-issues-official-statement-on-situation-in-ukraine/
https://www.khmertimeskh.com/501034064/ukraine-crisis-cambodias-neutrality-deserves-more-attention/
https://thescoop.co/2022/02/28/brunei-condemns-military-action-in-ukraine/
#Brief #TheMATTER