“ช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์สำหรับสิทธิมนุษยชนเด็ก” เวลล์เริ่มใช้กฎหมายห้ามพ่อแม่ รวมถึงผู้ปกครองลงโทษลูกด้วยวิธีการทำร้ายร่างกายทุกรูปแบบ โดยให้มีผลตั้งแต่วันนี้ (21 มีนาคม) เป็นต้นไป
กฎหมายฉบับนี้ออกมาเพื่อป้องกันการทำร้ายร่างกายเด็กโดยอ้าง ‘ความสมเหตุสมผล’ ผู้ปกครองหรือใครก็ตามที่ทำร้ายร่างกายเด็ก ไม่ว่าจะเป็นการตบ ตี หรือเขย่าตัวแรงๆ จะถูกจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยกฎหมายฉบับนี้จะบังคับใช้กับพลเมืองเวลส์ทุกคน รวมถึงผู้มาเยือนด้วย
จูลี่ มอร์แกน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงบริการสังคมของเวลส์เปิดเผยว่า นี่เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำหรับสิทธิมนุษยชนเด็ก เรากำลังทำให้การลงโทษเด็กด้วยการทำร้ายร่างกายกลายเป็นอดีต พร้อมกล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แนวคิดและทัศนคติของผู้คนเปลี่ยนไปแล้ว เหลือครอบครัวไม่มากที่ยังใช้วิธีการลงโทษทางร่างกาย “วัฒนธรรมได้เปลี่ยนไปแล้ว และฉันคิดว่ากฎหมายนี้จะตอกย้ำความจริงข้อนั้น”
แม้ประชาชนส่วนใหญ่จะออกมาชื่นชมแนวทางนี้ แต่นักวิจารณ์และฝ่ายอนุรักษนิยมบางส่วนของเวลส์บอกว่า กฎหมายนี้อาจทำให้เกิดวัฒนธรรม ‘ชตาซี’ หรือวัฒนธรรมการสอดแนมของเพื่อนบ้าน เพื่อคอยจับจ้องว่าผู้ปกครองจะทำผิดต่อเด็กหรือไม่ และอาจใช้ช่องโหว่นี้มากลั่นแกล้งกัน
แต่มอร์แกนมองว่า กฎหมายนี้จะไม่นำไปสู่ความกังวลดังกล่าว เธอบอกว่า “แน่นอนว่าเราไม่ต้องการให้คนสอดแนมกันและกัน แต่การดูแลเด็กๆ ก็เป็นความรับผิดชอบของชุมชน” ในเว็บไซต์ของรัฐบาลเวลส์ได้ให้คำแนะนำกรณีที่เพื่อนบ้านเห็นเด็กถูกทำร้ายร่างกายไว้ว่า ให้ผู้ที่พบเห็นติดต่อแผนกบริการสังคมในพื้นที่ หรือโทรหาตำรวจทันทีในกรณีฉุกเฉิน
รัฐบาลบอกว่าตำรวจและอัยการจะสืบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับกรณีแบบนี้อย่างละเอียด โดยจะพิจารณาด้วยการคำนึงถึงผลประโยชน์ของเด็กเป็นหลัก แต่ให้ความเป็นธรรมทั้งกับเด็กและผู้ปกครอง และจะต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนก่อนตั้งข้อกล่าวหา
มอร์แกนหวังว่าการเคลื่อนไหวของเวลส์ครั้งนี้จะกระตุ้นในเพื่อนบ้านอย่างอังกฤษเริ่มพิจารณากฎหมายนี้เช่นกัน หลังก่อนหน้านี้ สกอตแลนด์เป็นประเทศแรกในสหราชอาณาจักรที่นำร่องออกกฎหมายห้ามผู้ปกครองลงโทษเด็กด้วยการทำร้ายร่างกายเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2020
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/uk-scotland-54825151
#Brief #TheMATTER