นี่ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มากๆ ของสิทธิเสรีภาพในสหรัฐฯ หลังจากที่ศาลสูงสุด (Supreme Court) ได้พลิกคำตัดสินที่เคยมีเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้วเรื่องการทำแท้งเสรีในคดีที่เรียกว่า ‘Roe v. Wade’ โดยการตัดสินครั้งใหม่นี้ เสียงข้างมากของผู้พิพากษา (มติ 6 ต่อ 3) ได้ตัดสินใจยกเลิกสิทธิตามกฎหมายของเรื่องนี้ไปแล้ว
ในการตัดสินคดี Roe v. Wade เมื่อเดือน ม.ค. ปี 2516 หรือ ค.ศ. 1973 ศาลสูงสุดได้มีมติ 7 ต่อ 2 ตัดสินเข้าข้าง ‘เจน โร’ ซึ่งเป็นนามสมมติของ นอร์มา แม็กคอร์วีย์ ผู้ยื่นฟ้องร้องหลังต้องการทำแท้งในรัฐเท็กซัส ซึ่งมีกฎหมายห้ามไว้ ครั้งนั้น ศาลมีมติหลักๆ คือ ผู้หญิงในสหรัฐฯ มีสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะเลือกทำแท้งได้ โดยปราศจากการแทรกแซงของรัฐบาลที่เกินจำเป็น
ส่วนการพลิกคำตัดสินครั้งนี้ สำนักข่าว BBC อธิบายว่า ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ มีความหมายเท่ากับว่า “จะไม่มีการการันตีสิทธิการทำแท้งในระดับทั่วสหรัฐฯ อีกต่อไป” พูดอีกอย่างคือ สิทธิดังกล่าวจะไม่มีการรับรองในรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้แต่ละรัฐมีอิสระเต็มที่ว่าจะกำหนดเกี่ยวกับการทำแท้งอย่างไร
“คดี Roe มันผิดมหันต์ตั้งแต่เริ่ม การให้เหตุผลมันอ่อนมาก และการตัดสินครั้งนั้นก็ส่งผลกระทบที่สร้างความเสียหายตามมา” ซามูเอล อาลิโต จูเนียร์ ผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษนิยม ระบุในคำตัดสิน “ถึงเวลาที่ต้องหันมาสนใจรัฐธรรมนูญ และคืนประเด็นการทำแท้งให้กับผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน”
ในเรื่องนี้ สื่อในสหรัฐฯ ทั้ง The New York Times และ The Washington Post ตั้งข้อสังเกตตรงกันว่า การพลิกคำตัดสินครั้งนี้ อาจจะส่งผลให้รัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ สามารถออกกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้การทำแท้งเป็นเรื่องผิดกฎหมายได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในรัฐที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก
ก่อนหน้านี้ แผ่นดินสหรัฐฯ ก็เคยสะเทือนแบบในวันนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง หลังจากที่สำนักข่าว Politico ในสหรัฐฯ รายงานถึง ‘เอกสารหลุด’ จากศาลสูงสุด ที่บ่งบอกว่าจะมีการพลิกคำตัดสิน เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้นักกิจกรรมออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างดุเดือด ขณะที่ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วงการพลิกคำตัดสินอย่างกว้างขวาง
ภายหลังมีคำตัดสินในวันนี้ ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็ได้ออกมาแถลง โดยให้ความเห็นว่า มติศาลสูงสุดถือว่าเป็นผลมาจาก ‘อุดมการณ์สุดโต่ง’ และเป็น ‘ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง’ ไบเดนบอกว่า “ศาลสูงสุดสหรัฐฯ พรากเอาสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชนอเมริกันไปอย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งศาลเองก็เคยให้การรับรองสิทธินี้”
เขาชี้ว่า “พวกเขาไม่ได้จำกัดสิทธิ แต่พรากมันไปง่ายๆ เลย มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับสิทธิที่สำคัญเหลือเกินกับชาวอเมริกันหลายต่อหลายคน” และบอกด้วยว่า “หลังจากนี้ พอ Roe หายไปแล้ว พูดให้ชัดๆ เลยว่า สุขภาพและชีวิตของผู้หญิงในประเทศนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย”
ด้านผู้พิพากษาฝ่ายเสรีนิยม ซึ่งประกอบด้วย สตีเฟน เบรเยอร์, ซอนยา โซโตเมเยอร์ และเอเลนา คาแกน ก็ได้ระบุในความเห็นแย้ง (dissenting opinion) ว่า “ด้วยความเศร้าโศก – ต่อศาลแห่งนี้ แต่มากไปกว่านั้น ต่อผู้หญิงอเมริกันหลายล้านคนที่ในวันนี้ได้สูญเสียการปกป้องขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญไป – เราขอคัดค้าน”
การพลิกคำตัดสินครั้งนี้เกิดขึ้นได้จากการที่ผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษนิยมขึ้นเป็นฝ่ายเสียงข้างมาก ว่ากันว่า คำตัดสินครั้งนี้คือชัยชนะของฝ่ายอนุรักษนิยม รวมทั้งเป็น ‘มรดก’ ของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ตัวเขาเองได้มีโอกาสแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสุดชุดใหม่ไปถึง 3 คนในช่วงเวลาที่เขายังอยู่ในตำแหน่ง
และที่สำคัญคือ เป็นชัยชนะของขบวนการ ‘pro-life’ ที่พยายามคว่ำสิทธิการทำแท้งมานานหลายทศวรรษ
อ้างอิงจาก
https://www.nytimes.com/live/2022/06/24/us/roe-wade-abortion-supreme-court
https://www.washingtonpost.com/nation/2022/06/24/supreme-court-abortion-ruling
https://www.npr.org/2022/06/24/1102305878/supreme-court-abortion-roe-v-wade-decision-overturn
https://www.supremecourt.gov/opinions/21pdf/19-1392_6j37.pdf