ใครจะไปคิด ว่าเราจะทันได้เห็นภาพคนต้องไปต่อแถวยาวเหยียดหลายชั่วโมงเพื่อเติมน้ำมัน ก่อนที่น้ำมันจะเกลี้ยงปั๊ม เช่นที่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างลาว
เมื่อราคาน้ำมันปรับตัว จึงส่งผลต่อค่าอาหารที่สูงขึ้นตาม ทั้งที่ลาวเองกว่า 1 ใน 3 ของประชากรก็มีภาวะความยากจนอยู่
นี่เป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่ง ที่แสดงให้เห็นว่าวิกฤตทางเศรษฐกิจของลาวครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้ว เพราะภาวะเงินเฟ้อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าขั้นรุนแรง ในขณะที่เงินกีบก็อ่อนค่า จนแม้แต่การนำเข้าน้ำมันยังไม่สามารถทำได้
เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจลาวในตอนนี้ และมีที่มาที่ไปจากอะไรบ้าง The MATTER จะลองรวบรวมให้ดูกัน
เงินกีบอ่อนค่าเป็นเวลานาน
แทบจะเป็นปัญหาที่แยกออกจากกันได้ยาก ว่าตอนนี้อะไรเป็นต้นตอแรกที่ผูกปมจนนำมาสู่ประเด็นอื่นๆ หนึ่งในนั้น คือ การที่เงินกีบสูญค่าอย่างหนัก
ย้อนไปตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 เงินกีบอ่อนค่าลงไปกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาของปีก่อนหน้า และยังคงอ่อนค่าลงเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ ปัจจัยหลักก็มาจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้เงินทุนในประเทศขนาดเล็กก็จะทะลักออกโดยธรรมชาติ สร้างความไม่เชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งภายในประเทศและต่างชาติ
แม้แต่ธนาคารกลางลาวเอง ก็ให้ข้อมูลว่านับตั้งแต่ต้นปี 2565 (ม.ค.-เม.ย.) เงินกีบอ่อนค่าลงถึง 18.36% เมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และอ่อนลง 9.4%เมื่อเทียบกับเงินบาทของไทย
เราถึงได้เห็นภาพตามโซเชียลมีเดียบ้านเรา เริ่มมีการเชิญชวนให้ไปเที่ยวลาวมากขึ้น ข้อมูลวันนี้ (19 ก.ค.) อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 15071 กีบ ถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ราว 410 กีบ ต่อ 1 บาท
ราคาน้ำมันพุ่ง
คงต้องบอกกว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับหลายประเทศเร่งเดินหน้าฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากโรคระบาด ทำให้ความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น ทั้งหมดจึงทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูง
ในขณะที่สถานการณ์ในลาว ผลจากค่าเงินที่อ่อนตัว และการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ ทำให้ความสามารถในการนำเข้าพลังงานของพวกเขาลดลง ก่อให้เกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนัก จึงปรากฏเป็นภาพประชาชนเข้าแถวเพื่อรอซื้อน้ำมันในหลายเมือง
ทั้งนี้ Global Petrol Prices ระบุข้อมูลวันที่ 11 ก.ค. ราคาน้ำมันเบนซินขายปลีก ในลาวอยู่ที่ลิตรละ 28,070 กีบ ราว 68 บาท ส่วนดีเซลอยู่ที่ 20,340 กีบ หรือ 49 บาท
โดยตามข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานของไทย ในช่วงเดือนพ.ค. ชี้ว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและดีเซลของลาวสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในอาเซียน
เงินเฟ้อและหนี้สาธารณะสูง
เมื่อมูลค่าเงินกีบสูญหาย และน้ำมันขาดแคลน ทำให้เงินเฟ้อในประเทศสูงขึ้นจนน่าตกใจ ถึงแม้หลายประเทศในอาเซียนจะกำลังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อไม่ต่างกัน แต่ตามข้อมูลของศูนย์สถิติแห่งชาติ กระทรวงแผนการและการลงทุนของลาว ระบุตัวเลขเงินเฟ้อช่วงเดือนมิ.ย. ว่าเพิ่มสูงขึ้นถึง 23.6% เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว
เช่นนี้แล้วภาระจึงตกไปที่ผู้มีรายได้น้อย ที่ต้องแบกรับราคาสินค้าจำเป็นที่ปรับตัวตาม อย่างราคาอาหารเพิ่มขึ้น 16.9% ก๊าซหุงต้มเพิ่ม 20% รวมถึงเครื่องใช้ในครัวเรือนปรับตัวเพิ่มถึง 22.3% เป็นต้น
ผลสืบเนื่องจากการที่อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูง จนประชาชนได้รับผลกระทบหนัก การจัดเก็บภาษีของรัฐจึงทำได้ยาก นั่นจึงยิ่งทำให้การคลี่คลายภาระหนี้สินดั้งเดิมลำบากไปทุกที
ธนาคารโลกเคยออกมาเตือนถึงปัญหาหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2562 ก่อนที่ปีที่ผ่านมาหนี้สาธารณะของลาวจะคิดเป็นสัดส่วนต่อ GDP แตะ 88% โดยมาจากภาคพลังงานมากกว่า 30% ของหนี้ทั้งหมด
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ทาง Moody’s ซึ่งคอยจัดอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรในแต่ละประเทศ จึงปรับลดระดับเข้าสู่ระดับการมีหนี้ความเสี่ยงสูง เพราะมีโอกาสที่จะผิดนัดชำระ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างอธิบายที่มาของปัญหา ว่าหนึ่งในนั้นมาจากการที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ให้เงินกู้แก่ลาวเป็นจำนวนมากเพื่อใช้ในโครงการขนาดใหญ่ เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำ การก่อสร้างรถไฟฟ้าจีน-ลาว เป็นต้น และในหนี้สาธารณะของลาวที่คิดเป็น 88% ของ GDP เกือบครึ่งหนึ่งนั้นก็เป็นหนี้ที่มีต่อจีน
อย่างที่ได้เห็นกันว่า สภาแห่งชาติลาวเริ่มต้นขยับตัวด้วยการปรับคณะรัฐมนตรีไปเมื่่อวันที่ 20 มิ.ย. เพื่อจัดตั้งทีมรับศึกที่กำลังเกิดขึ้น ไปพร้อมกับการหาแหล่งเงินทุน และรักษาเงินตราต่างประเทศเพื่อการนำเข้า อีกทั้งธนาคารกลางก็ออกมาตรการคุมเข้มการไหลเวียนของเงินทุน
แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ ก็ยังคงมองว่าวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ของลาว ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลายในเร็ววันนี้
อ้างอิงจาก
#ลาว #Explainer #TheMATTER