สงครามกลางเมืองสหรัฐฯ เกิดขึ้นและจบลงไปนานแล้วกว่า 150 ปี อย่างไรก็ตามความขัดแย้งทางการเมืองของสหรัฐฯ ระลอกใหม่นั้นกลับทวีความร้อนแรงขึ้นทุกวัน นับตั้งแต่วิกฤตจลาจลบุกยึดอาคารรัฐสภาของกลุ่มมวลชนที่สนับสนุน อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในกรุงวอชิงตันดีซี เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 64 เป็นต้นมา กลับทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงความรุนแรงที่ซ่อนอยู่ภายใต้คลื่นลมแห่งความขัดแย้งนี้
ล่าสุด The Guardian ได้รายงานผลสำรวจที่จัดทำขึ้นโดย YouGov ร่วมกับนิตยสาร The Economist โดยพบว่าประชาชนชาวสหรัฐฯ ที่ร่วมทำแบบสอบถามกว่า 43% คิดว่าความขัดแย้งทางการเมืองที่สหรัฐฯ กำลังประสบพบเจอกันอยู่ในปัจจุบันจะกลายเป็นชนวนเหตุให้เกิด ‘สงครามกลางเมือง’ ได้ในระยะเวลาอีก 10 ปี ข้างหน้า
ขณะเดียวกันผู้ทำแบบสอบถามกว่า 65% เห็นตรงกันว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางการเมืองเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ปี 2564 และอีก 62% ที่เห็นตรงกันว่าความรุนแรงจากความขัดแย้งทางการเมืองจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีกเรื่อยๆ ในอนาคต
ทั้งนี้เหตุการณ์จลาจลเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 64 ถือเป็นชนวนเหตุสำคัญของความขัดแย้งทางการเมืองสหรัฐฯในปัจจุบัน โดยหลังจากที่เหตุการณ์ดังกล่าวจบลงด้วยการมีผู้เสียชีวิต 9 คน ที่รวมไปถึงการปลิดชีพตัวเองของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่ง
อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญมองว่าความขัดแย้งทางการเมืองสหรัฐฯ จะยิ่งก็ให้เกิดความรุนแรงหากอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัม ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานครอบครองเอกสารลับทางราชการ แต่ยังคงมองว่า ‘สงครามการเมืองเต็มรูปแบบ’ นั้นมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ยาก
อ้างอิงจาก
https://today.yougov.com/topics/politics/articles-reports/2022/08/26/two-in-five-americans-civil-war-somewhat-likely
https://www.theguardian.com/us-news/2022/aug/29/us-civil-war-fears-poll
https://www.nytimes.com/2022/01/05/us/politics/jan-6-capitol-deaths.html