คำบอกเล่าถึงชีวิตที่พลิกผันของ ‘อภินันท์ บัวหภักดี’ หนึ่งในผู้แสดงจำลองการแขวนคอพนักงานการไฟฟ้าฯ ซึ่งเป็นการแสดงละครในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2519
เหตุการณ์นี้นับเป็นชนวนเหตุสำคัญ ที่นำไปสู่การล้อมปราบ ด้วยข้อกล่าวหาว่าผู้แสดงมีหน้าตาคล้ายคลึงกับพระบรมโอรสาธิราชฯในขณะนั้น ก่อนที่ภาพการแสดงจะถูกบันทึกไว้ และตีพิมพ์ผ่านหนังสือพิมพ์ดาวสยาม พร้อมประโคมว่าเป็นการจงใจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
อภินันท์ เล่าย้อนให้ฟังว่า หลังแสดงจบก็เดินทางกลับบ้านตามปกติ แต่พอมีกล่าวหาจึงกลับเข้ามาอีกครั้ง “พอเหตุการณ์แหลมคม เลยถูกเก็บตัวไว้ใน องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.)”
โดยจุดเริ่มต้นการรับบทวันนั้น อภินันท์ ออกปากว่า เขาเป็นเพียง ‘ไม้ผลัด’ เท่านั้น เนื่องจากบทดังกล่าวผู้แสดงคล้ายเป็นฉากประกอบ ที่ต้องถูกเชือกยึดติดอยู่นาน จึงจำเป็นต้องมีตัวแสดงแทน เขาจึงอาสารับหน้าที่นั้น
“ตอนนั้นก็เห็นเขาเริ่มเตรียมละคร เราก็แค่ไปมุงๆ ก่อนที่จะมีเหตุให้เราได้ไปร่วม เพราะเฮียวิโรจน์ (วิโรจน์ ตั้งวานิชย์) อยู่นานไม่ได้ เจ็บ ต้องหาคนช่วยเปลี่ยนแถวๆ นั้นตอนซ้อม”
“ไม่ได้มีใคร มาชี้ว่าเอ็งต้องเป็น” เป็นคำยืนยันของอภินันท์ ถึงที่มาที่ไปของการร่วมแสดง ที่ไม่ได้มาจากเหตุผลตามที่ถูกกล่าวหา
อย่างไรก็ดี อภินันท์เป็นคนหนึ่งที่ถูกดำเนินคดีในหลายข้อกล่าวหา และร้ายแรงที่สุดคือ ม.112 ที่ทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องหาชุดสุดที่ที่ถูกปล่อยตัว ในเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ
“กลายเป็นจากคนที่ไม่เคยร่วมกิจกรรมทางการเมือง มาเป็นบุคคลระดับหัวหน้า โดนคดีเยอะกว่าใคร ได้รับการให้เกียรติอย่างมาก (หัวเราะ)”
ท้ายสุดจากเหตุครั้งนั้น ที่ตามมาด้วยความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เขาเองไม่อาจยืนยันได้ว่าจะตัดสินใจเช่นเดิมหรือไม่ แต่ก็กล่ยเป็นการเลือกเดินเส้นทางชีวิตใหม่ จากเด็กที่สนใจในคณะรัฐศาสตร์ ก็เบนเข็มมาสู่เส้นทางสื่อมวลชน
“เพราะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นมาจากสื่อ หลังคดีทุกอย่างจบ ผมเลยกลับมาเรียนวารสารฯ ด้วยความตั้งใจว่าจะกลับมาเป็นสื่อมวลชนที่ดี”