เป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว ที่ชาวอิหร่านลุกฮือ ออกมาชุมนุมกันอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อเสรีภาพ – เป้าหมายที่ประชาชนต้องแลกมาด้วยอะไรหลายๆ อย่าง
จำนวนมากต้องแลกมาด้วยชีวิต ข้อมูลจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนอิหร่าน (Iran Human Rights) ซึ่งตั้งอยู่ในนอร์เวย์ ระบุว่า มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตอย่างน้อย 342 รายแล้ว บางส่วนถูกสั่งประหารชีวิต และยังมีประชาชนถูกจับอีกมากกว่า 15,000 คน
แต่หากไม่ใช่ชีวิตหรืออิสรภาพ ก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญไป จากการสลายการชุมนุมด้วยกระสุนยางและกระสุนลูกเหล็ก นั่นก็คือ ดวงตา
หนังสือพิมพ์ The New York Times เล่าเรื่องราวของผู้ชุมนุมชายรายหนึ่งวัย 30 ปี ที่ใช้นามสมมติว่า ‘ซามาน’ (Saman) ระบุว่า ในขณะที่ซามานกำลังประท้วงอยู่ในกรุงเตหะราน เขาก็ต้องมาเผชิญหน้ากับตำรวจควบคุมฝูงชน ซึ่งบังเอิญจำหน้าเขาได้จากการที่เขาเป็นนักกิจกรรมที่ออกมาเคลื่อนไหวอยู่บ่อยครั้ง
การเผชิญหน้าครั้งนั้นทำให้เขาถูกยิงเข้าที่ใบหน้าในระยะเผาขน “เราจ้องตากัน จากนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นมืดสนิท” ซามานเล่า วันนั้นเขาต้องเอามือประคองลูกตาที่ทะลักออกมา แล้วพาตัวเองไปโรงพยาบาล การถูกยิงทำให้ตาข้างซ้ายของเขาต้องบอดสนิท
ซามานคือตัวอย่างหนึ่งของเหยื่อจำนวนหลายร้อยคนที่ต้องประสบกับการได้รับบาดเจ็บในดวงตา จากการประเมินของจักษุแพทย์ใน 3 โรงพยาบาลใหญ่ๆ ของกรุงเตหะราน ก็พบว่า น่าจะมีคนไข้มากกว่า 500 คน ที่มีอาการสาหัสทางตา นับตั้งแต่เริ่มชุมนุมระลอกล่าสุด ส่วนแพทย์ในจังหวัดเคอร์ดิสถานก็ระบุจำนวนคนไข้ว่า มีอย่างน้อย 80 คน
ทั้งนี้ ตัวเลขที่แท้จริงยังคงระบุได้ลำบาก เนื่องจากผู้ชุมนุมหลายคนกลัวการมาโรงพยาบาล เพราะพบว่ามีการตามมาจับกุมคนในโรงพยาบาลด้วย อย่างไรก็ดี หลายคนที่มา ก็มาด้วยสภาพที่มีเศษโลหะหรือยางฝังอยู่ในหัว ขณะที่คนไข้ที่อายุน้อยที่สุดก็มีรายงานว่าเป็นเด็กหญิงที่มีอายุเพียง 4 ขวบ
The New York Times ยังชี้ด้วยว่า กรณีที่ผู้ชุมนุมในอิหร่านได้รับบาดเจ็บทางดวงตาเป็นจำนวนมาก มีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเขตแคชเมียร์ของอินเดียเมื่อปี 2016 และที่ชิลีเมื่อปี 2019 ซึ่งถ้าเข้าไปดูสาเหตุ ก็จะพบว่ามีการยิงกระสุนยางและกระสุนลูกเหล็กไม่ต่างกัน
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ในอิหร่าน ทำให้จักษุแพทย์ในสมาคมจักษุแพทย์อิหร่านมากกว่า 230 คน ร่วมกันลงนามในจดหมายถึง มาห์มูด จับบาร์วานด์ (Mahmoud Jabbarvand) ประธานสมาคมฯ เรียกร้องให้สื่อสารกับรัฐบาล เพื่อเตือนเกี่ยวกับผลกระทบต่อดวงตาดังเช่นที่เกิดขึ้นจากการสลายการชุมนุม
สำหรับการเคลื่อนไหวของประชาชนระลอกล่าสุด เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ภายหลังการเสียชีวิตของ มาห์ซา อามินี (Mahsa Amini) หญิงวัย 22 ปี ที่เสียชีวิตหลังถูกตำรวจศีลธรรมควบคุมตัวโทษฐานไม่ใส่ฮิญาบ จนเป็นชนวนเหตุสำคัญให้ประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลเผด็จการ
ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 พฤศจิกายน) ยังมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม จำนวน 3 ราย จากการถูกยิงขณะสลายการชุมนุมที่จังหวัดเคอร์ดิสถาน ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของอามินี ขณะที่ยูนิเซฟ (UNICEF) ได้ออกมาเรียกร้องให้หยุดสังหารเด็กที่มาชุมนุม ซึ่งที่ผ่านมา คาดว่ามีจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นเด็กอย่างน้อย 50 รายแล้ว
อ้างอิงจาก