“ให้ไปส่งไหมจ๊ะคนสวย” “ขาวจังเลย” “ว่าไงจ๊ะสุดหล่อ” – คำกล่าวจากคนแปลกหน้าที่หลายคนเคยได้ยินกันเวลาเดินอยู่ในที่สาธารณะ ดูผิวเผินเหมือนไม่มีอะไร แต่จริงๆ แล้วคำกล่าวเหล่านี้คือ catcalling หรือก็คือการแซวในที่สาธารณะซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการคุกคามตามท้องถนนที่พบเจอได้บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลของสหราชอาณาจักรจึงออกกฎหมายแบนการกระทำที่เข้าข่ายการคุกคามทางเพศบนท้องถนนนั้นเสีย
ก่อนอื่น ขอขยายความกับคำว่า การคุกคามทางเพศบนท้องถนน (Sexual harassment) อีกหน่อย ว่ากันตรงตัวมันก็คือการคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นบนท้องถนนจนเหมือนเรื่องปกติในชีวิตประจำวันนั่นแหละ เช่น การแซวในที่สาธารณะจากคนแปลกหน้า (catcalling) การเดินตาม หรือการจ้องตาไม่กระพริบ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้ผู้ที่กระทำรู้สึกอึดอัดและไม่ปลอดภัย
เดิมทีพฤติกรรมดังกล่าวก็เข้าข่ายผิดกฎหมาย ภายใต้กฎหมายการล่วงละเมิดทางเพศอยู่แล้ว แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (9 ธันวาคม) รัฐบาลสหราชอาณาจักรระบุว่า ตอนนี้กำลังจะออกร่างกฎหมายที่จะทำให้การล่วงละเมิดบนท้องถนนเป็นอาชญากรรมที่มีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี โดยมองว่าการออกกฎหมายแยกต่างหากที่มีความผิดฐานการคุกคามทางเพศแบบใหม่นี้ จะกระตุ้นให้ผู้คนเข้ามาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจมากขึ้น
เกร็ก คลาร์ก (Greg Clark) สมาชิกสภาอนุรักษ์นิยมซึ่งเสนอร่างกฎหมายดังกล่าว กล่าวในรัฐสภาว่า ความมั่นใจของผู้หญิงในการมีส่วนร่วมและการใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ ไม่ควรถูกขัดขวางจากการคุกคามหรือความรุนแรง
“ทำไมผู้หญิงถึงรู้สึกมั่นใจน้อยกว่าผู้ชายเมื่ออยู่บนท้องถนน” คลาร์กตั้งคำถาม “ถนนเป็นของพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน แต่ประสบการณ์ที่พวกเขาได้พบเจอกลับไม่เป็นอย่างนั้น”
ร่างกฎหมายนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเหตุฆาตกรรมซาราห์ เอเวอราร์ด (Sarah Everard) ในปี 2021 เธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจลักพาตัวและสังหารขณะเดินกลับบ้าน การฆาตกรรมนี้ปลุกกระแสการประท้วงทั่วประเทศและเป็นชนวนให้เกิดการเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับความรุนแรงต่อผู้หญิงในอังกฤษ
การคุกคามเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ แต่ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งก็คือ ผู้หญิงมักเป็นเป้าหมายของความรุนแรงทางเพศมากกว่าเพศอื่น ซึ่งผลสำรวจจาก YouGov ที่สำรวจผู้คน 3,361 คนในสหราชอาณาจักรพบว่า ผู้หญิง 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด รู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อต้องเดินคนเดียวในยามกลางคืน และผู้หญิง 62% จากทั้งหมด เคยเจอกับการ catcalling เทียบกับผู้ชาย 8% จากทั้งหมด
ขณะที่ Plan International U.K. องค์กรการกุศลที่ให้ความสำคัญกับสิทธิเด็กและความเท่าเทียมของเด็กผู้หญิง กล่าวว่า ร่างกฎหมายนี้เป็นก้าวสำคัญสู่สังคมที่จะไม่มีเด็กผู้หญิงคนไหนรู้สึกไม่ปลอดภัยเมื่อเดินกลับบ้าน ทางองค์กรจะเฝ้าดูน่างกฎหมายนี้อย่างใกล้ชิดและสนับสนุนร่างกฎหมายนี้
“ร่างกฎหมายนี้ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงผู้ก่อเหตุว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เป็นที่ยอมรับ และส่งสัญญาณถึงผู้หญิงและเด็กที่ว่าพวกเขาจะได้รับการคุ้มครองและรับฟัง”
อ้างอิงจาก