แม้จะอยู่ในการดูแลของแพทย์ แต่ 2 นักกิจกรรมยังคงอดอาหารและมีอาการน่าเป็นห่วง วันนี้ (4 กุมภาพันธ์) ที่ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กฤษฎางค์ นุตจรัส จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยผู้ปกครองของตะวันและแบม จึงแถลงข่าวถึงอาการและการตัดสินใจของทั้งคู่
ทนายระบุว่า จากการเข้าเยี่ยมเมื่อวานนี้ (3 กุมภาพันธ์) พบว่าทั้งตะวัน—ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม— อรวรรณ ภู่พงษ์ มีอาการทรุดลง, นั่งไม่ไหว, ค่าโพแทสเซียมต่ำกว่าคนปกติ (ตะวัน 3.3 ส่วนแบม 3.4), ค่าคีโตน (สารเคมีที่เกิดจากร่างกายผลาญไขมันเป็นน้ำตาล) ผิดปกติ (ตะวัน 5.46 ส่วนแบม 5.47) และอ่อนเพลีย
สอดคล้องกับที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ แถลงการณ์อาการป่วยล่าสุดว่า ทั้งคู่มีอาการอ่อนเพลีย เลือดออกตามไรฟัน แสบร้อนลิ้นปี่ เวียนศีรษะตอนเปลี่ยนท่า ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เกลือแร่ต่ำ เลือดเป็นกรด ค่าคีโตนสูง
ทั้งนี้ กฤษฎางค์ระบุว่า ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมในวันนี้เพราะปลัดกระทรวงยุติธรรมไม่อนุญาต พร้อมให้ข้อมูลว่า ในทางการแพทย์ร่างกายทั้งคู่อาจเกิดภาวะช็อคได้ ทางโรงพยาบาลจึงเฝ้าระวังและเตรียมเจาะเส้นเลือดรอไว้แล้ว เผื่อไว้ในกรณีที่คนไข้ช็อคไปโดยไม่รู้ตัว
จริงอยู่ที่กระทรวงยุติธรรมและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ออกแถลงการณ์ยอมรับว่าจะปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมแล้ว และหลายพรรคการเมืองออกมายอมรับว่าจะดำเนินการตามข้อเรียกร้องเรื่อง ม.112 และ ม.116 ในรัฐสภา แต่ตะวันและแบมยังเห็นว่าข้อเรียกร้องทั้งหมดยังไม่บรรลุ จึงยืนยันว่าจะอดอาหารและน้ำต่อไป
“ตะวันและแบมยืนยันว่าจะอดอาหารและอดน้ำต่อไป จนกว่าศาลจะยอมให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องขังทางการเมืองที่ถูกขังอยู่ เช่น กลุ่มทะลุแก๊ส หรือคนที่โดนคดี ม.112 แล้วศาลยังไม่ได้ตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งหลายคนถูกกักขังแล้วเป็นปีๆ โดยยังไม่ได้พิจารณาคดี” กฤษฎางค์ กล่าว
ด้าน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ให้ความเห็นว่า อาการทั้งคู่อยู่ในภาวะวิกฤตแล้ว “การที่โพแทสเซียมต่ำมากมันมีผลกับการเต้นของหัวใจ อาจจะทำให้เต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นได้ ซึ่งไม่รู้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ถ้าเกิดขึ้นจะทำให้กลับมาเต้นแบบเดิมได้ไหม”
ขณะที่ภาวะคีโตนสูง นพ.ทศพรระบุว่า เพราะร่างกายเอากล้ามเนื้อมาใช้แทนพลังงาน จึงปล่อยคีโตนที่ต้องกำจัดทางไตออกมาเยอะ ขณะที่ไตก็ต้องพยายามเก็บน้ำไว้เมื่อขาดสารอาหาร ทำให้คีโตนยิ่งคั่งในร่างกาย และเมื่อมีมากๆ ก็จะกระทบสมองและอวัยวะ “ท้ายสุดร่างกายอาจจะรับไม่ไหวและช็อค ถ้าตอนนั้นแม้จะมีเส้นเดินรอแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยได้มากน้อยแค่ไหน”
ในวันนี้ พ่อแม่ของตะวันและแบมมาร่วมแถลงข่าวด้วย ซึ่งพ่อของตะวันระบุว่า “น้องอดอาหารมา 2 สัปดาห์กว่า ร่างกายเขาทรุดลงเรื่อยๆ ตอนแรกๆ อาการแจ่มใสกว่านี้มาก แต่ร่างกายค่อยๆ ทรุดลงจนเราสังเกตได้”
“ตะวันหน้าตอบลงค่อนข้างเยอะ มันเห็นกระดูกแล้ว แม่เขาจับก็เจอซี่โครงเจอกระดูก หน้าตอนนี้เป็นสามเหลี่ยมแล้ว ผมไม่แน่ใจว่า โอกาสข้างหน้า 2-3 วันนี้ ถ้าเกิดร่างกายดูดไขมันกล้ามเนื้อหมด อะไรมันจะเกิดขึ้น ผมเกรงว่ามันจะเหลือเวลาอีกไม่เท่าไหร่ แล้วมันจะเกิดเหตุการณ์ที่เราไม่อยากเจอก็ได้” พ่อตะวัน กล่าว
“ขอวิงวอนผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้ โปรดเก็บอนาคตของชาติไว้ด้วยความแข็งแรง อย่าให้เขาเป็นอนาคตของชาติที่ต้องฟอกไต สูญเสียอวัยวะภายใน และไม่สมประกอบ แม้ภายนอกจะดูดี หมอบอกว่าโต้ตอบได้ แต่พ่อแม่รู้ว่าลูกเราไหวแค่ไหน” พ่อแบม ระบุ