หลังจากเมื่อค่ำวานนี้ (5 กุมภาพันธ์) กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุถึงอาการของตะวัน–ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และแบม–อรวรรณ ภู่พงษ์ ว่าหมอจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ได้โทรศัพท์ถึงพ่อแม่ของทั้งสองคนว่า อาการของพวกเธอทรุดลง ขอให้พ่อแม่เดินทางไปเยี่ยมในตอนเช้าพรุ่งนี้ให้ได้
และในวันนี้ (6 กุมภาพันธ์) เมื่อเวลา 10.00 น. สมหมาย และกาหลง ตัวตุลานนท์ พ่อแม่ของตะวัน และสุชาติกับพรนิภา พ่อแม่ของแบมได้เข้าเยี่ยมทั้งคู่แล้ว และพบว่าอาการยังไม่เข้าขั้นวิกฤต ยังพูดคุยได้
พฤหัส ต่ออุดม ผู้อำนายการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ ให้สัมภาษณ์ถึงอาการของตะวันแบมว่า “ขณะนี้นักกิจกรรมนอนพักอยู่ในห้องผู้ป่วย ซึ่งเป็นห้องแยกจากผู้ป่วยคนอื่น และมีการตั้งทีมแพทย์ดูแลเป็นพิเศษ ผู้ป่วยมีการอดอาหาร ทางแพทย์ก็ได้ดูแลมามากพอสมควร ซึ่งทีมแพทย์ที่ดูแลจะสรุปอาการในแต่ละวัน”
เขากล่าวต่อว่า “การอดอาหารนั้นมีผลในเรื่องของความอ่อนเพลียในร่างกาย ความเจ็บปวดในร่างกาย และของเสียในร่างกาย ปัจจุบันนี้สัญญาณชีพของทั้งสองคนยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ และสามารถสื่อสารได้ ซึ่งในสภาพร่างของการอดอาหารก็มีภาวะแทรกซ้อน แต่ไม่ได้เข้าขั้นวิกฤติฉุกเฉิน”
แต่เมื่อเช้านี้ ตะวันและแบมมีอาการอ่อนเพลีย ปวดท้อง เริ่มมีของเสียสะสมในร่างกาย รวมถึงอวัยวะสำคัญ เช่น ไตที่เริ่มเสื่อมสภาพ ส่วนอาการอื่นๆ พบว่ามีสัญญาณชีพปกติ สามารถสื่อสารกับแพทย์และคนมาเยี่ยมได้รู้เรื่อง มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่เข้าขั้นวิกฤต แต่ถ้าหากทั้งคู่เริ่มมีอาการเข้าขั้นรุนแรง จะดำเนินการตามจรรยาบรรณและวิชาชีพการแพทย์
โดยจากแถลงการณ์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ระบุว่า ตะวันและแบมมีอาการตอบโต้ช้า อ่อนเพลียมากขึ้น พะอืดพะอมตลอดเวลา มีอาหารแสบร้อนลิ้นปี่ มีลมในช่องท้อง นอนหลับแล้วตื่นกลางดึก ความคิดและความจำลดลง ทั้งยังมีระดับน้ำตาลในเลือด และเกลือแร่ต่ำ รวมถึงมีภาวะเลือดเป็นกรด และค่าคีโตนยังสูง โดยแบมมีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติด้วย
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ กล่าวปิดท้ายว่า ปัจจุบันทั้งคู่เริ่มดื่มน้ำได้น้อยลง โดยแพทย์ได้พยายามให้ทั้งคู่รับอาหารเหลวและน้ำเกลือ แต่ทั้งคู่ยังคงปฏิเสธ ทำให้ทีมผู้รักษาต้องเพิ่มความถี่ในการตรวจและติดตามระดับน้ำตาล รวมถึงเฝ้าระวังอาการน้ำตาลต่ำอย่างใกล้ชิด
อ้างอิงจาก