“พวกเด็กๆ ไม่เคยแย้งผมสักครั้ง” โรอัลด์ ดาห์ล (Roald Dahl) พูดไว้เมื่อตอนเขายังมีชีวิต “ทุกครั้งมีแต่เสียงหัวเราะคิกคักหรือไม่ก็ดีใจจนเนื้อเต้น ผมรู้ดีเด็กๆ ชอบอะไร”
ดาห์ลเป็นนักเขียนหนังสือเด็กผู้ยิ่งใหญ่ และเชื่อว่าแทบทุกคนน่าจะเคยอ่านหรือรู้จักผลงานของเขามาบ้าง ไม่ว่า ชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต, มาทิลดา (Matilda) หรือคุณจิ้งจอก (Fantastic Mr.fox) แต่หนังสือของดาร์ลอาจกำลังเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ด้วยน้ำมือของสำนักพิมพ์และยุคสมัย
สำนักพิมพ์ Puffin ได้ตีพิมพ์หนังสือของดาห์ลฉบับใหม่ โดยมีการปรับ ลบ เสริม เปลี่ยนข้อความหลายร้อยคำที่พวกเขามองว่าส่งเสริมอคติทางเพศ, น้ำหนักตัว, เชื้อชาติ, ทำร้ายสภาพจิตใจ หรือส่งเสริมความรุนแรง ตัวอย่างเช่น
- นำคำบรรยายสรีระอวบอ้วนของตัวละครออก
- เปลี่ยนคำระบุเพศตัวละครให้เป็นคำไม่ระบุเพศ เช่น จาก ‘เด็กผู้หญิง (girls)’ เป็น ‘พวกนั้น (folks)
- เปลี่ยนคำว่า พ่อและแม่ (mother และ father) เป็นผู้ปกครอง (parent) และครอบครัว (family)
- เปลี่ยนคำว่า แม่บ้าน (maid) เป็นคนทำความสะอาด (cleaner)
“ถ้อยคำเป็นเรื่องสำคัญ” หนังสือของดาร์ลฉบับพิมพ์โดย Puffin เขียนเอาไว้ “ภาษาแสนวิเศษของ โรนัลด์ ดาห์ล สามารถพาคุณไปสู่อีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยตัวละครน่าอัศจรรย์ แต่หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นมาหลายปีแล้ว ดังนั้น เราจึงตรวจทานภาษาทั้งหมดใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่ามันยังมอบความสุขแก่ทุกคนในปัจจุบัน”
การแก้ไขต้นฉบับของดาห์ล ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าจำเป็นจริงหรือ? โดยหนึ่งในคนที่แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยคือ ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ โดยโฆษกส่วนตัวของเขากล่าวกับ BBC ว่า หนังสือของดาห์ลควร “ถูกเก็บรักษาและไม่ถูกพ่นสีทับ”
ขณะที่บางส่วนมองว่านี่ไม่ต่างจากการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก เช่น ซัลมาล รัชดี นักเขียนมือรางวัล เจ้าของผลงาน ‘โองการปีศาจ (The Satanic Verse)’ ที่ให้ความเห็นต่อเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า “เป็นการเซ็นเซอร์ที่น่าหัวเราะ” คล้ายกับ ซูซานเน่ นอสเซล ผู้อำนวยการขององค์กรเพื่อเสรีภาพในการแสดงออก PEN America ที่แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ เตือนการแก้ไขถ้อยคำของสำนักพิมพ์ว่าอาจจะเป็น “ภาพแทนอาวุธชนิดใหม่” ต่อเสรีภาพในการแสดงออก
ทั้งนี้ การแก้ไขต้นฉบับไม่ใช่เรื่องใหม่และเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เช่น นิทานสโนไวท์และฮันเซลล์กับเกรเทลฉบับปัจจุบันก็มีการเปลี่ยนตัวร้ายจาก ‘แม่แท้ๆ’ ที่พยายามฆ่าลูกตัวเองให้เป็น ‘แม่เลี้ยง’ เพื่อให้สอดรับกับค่านิยมของยุคสมัย
อาทิตย์ สุริยะวงศ์กุล ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ตชวนขบคิดประเด็นนี้ต่ออย่างน่าสนใจ เขามองว่าการแก้ไขต้นฉบับในรูปแบบหนังสือยังไม่เป็นปัญหามากนัก เพราะคนที่ต้องการอ่านต้นฉบับดั้งเดิมยังสามารถหาอ่านตามห้องสมุดได้อยู่ แต่ในกรณีที่อ่านบนแพลตฟอร์ม อำนาจในการแก้ไขต้นฉบับจะไปอยู่ในมือของเจ้าของแพลตฟอร์ม และอาจทำให้มีการแก้ไข เพิ่มเติม หรือลบบางข้อความชนิดเราไม่รู้ตัวเลยจนส่งผลต่อการรับรู้ของเราอย่างเงียบงัน
“ในบริบทดิจิทัล แบบเช่าเขาอยู่ เช่าเขาเสพ ที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของหนังสือจริงๆ แพลตฟอร์มยังมีอำนาจมาลบหนังสือที่อยู่ในเครื่องของเราได้ แบบที่ Amazon เคยทำมาแล้ว หรือโหดไปกว่านั้นคือแพลตฟอร์มเหล่านี้ ในทางเทคนิคแล้ว ยังสามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนฉบับที่เรามีอยู่ให้เป็นฉบับใหม่ได้ด้วย โดยที่เราไม่รู้ตัว วันก่อนเปิดอ่านหรือเปิดดูยังมีฉากนี้อยู่เลย อีกวัน อ้าว หายไปแล้ว และถ้าไม่มีคนบอกเราก็ไม่ได้สังเกตด้วย หรืออาจจะสังเกตแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“กระทรวงความจริงเข้าถึงและแก้ไขได้ทุกสำเนาของหนังสือ ทุกฉบับจะสม่ำเสมอตรงกัน ไม่มีความขัดแย้งผิดปกติหรือร่องรอยอะไรเหลือให้สังเกต” อาทิตย์เขียนไว้ในโพสต์
“ด้วยระบบลิขสิทธิ์และเทคโนโลยีประกอบกัน การผูกขาดนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะภาษาที่เราจะใช้ในอนาคต แต่ยังตามย้อนไปกำกับภาษาที่เราเคยใช้ในอดีตได้ด้วย” อาทิตย์ทิ้งท้าย
ดูถ้อยคำที่ถูกเปลี่ยนทั้งหมดได้ที่: https://www.telegraph.co.uk/news/2023/02/17/roald-dahl-books-rewritten-offensive-matilda-witches-twits/
อ้างอิงจาก: