วันนี้ (17 มีนาคม) พรรคเพื่อไทยจัดงาน ‘คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ เพื่อเปิดตัวผู้ประสงค์ลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.เพื่อไทย 400 เขต และอีกไฮไลท์สำคัญคือการเปิดตัวนโยบายใหม่ครั้งใหญ่ ที่มีทั้งนโยบายด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม การต่างประเทศ และสิทธิเสรีภาพ
อุ๊งอิ๊ง—แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศย้ำกลางเวทีว่า ที่เพื่อไทยคิดใหญ่ เพราะเราทำเป็น ประกอบกับรัฐประหารปี 2549 และ 2557 ทำให้การพัฒนาของประเทศไทยขาดความต่อเนื่อง
อุ๊งอิ๊งระบุว่า “เพื่อไทยมีความพร้อมที่จะพาประเทศไทยข้ามผ่านวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่กำลังเผชิญทั้งสภาวะยากจน สภาวะสงคราม และโรคระบาด หมดเวลายื้ออำนาจรัฐบาลที่ไม่เข้าใจประชาชน .. พรรคเพื่อไทยจึง ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’ พร้อมประกาศนโยบายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยให้อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี” จากนั้นจึงแถลงนโยบายสำคัญ ดังนี้
- ทุกครอบครัวมีรายได้ไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือน : เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ และไปให้ถึงเป้าหมายการสร้างงานและค่าแรงขั้นต่ำตามที่เคยประกาศไว้ เป็นนโยบายที่สำรวจและทำได้ทันที
- ทำให้ประเทศเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีการเงินสมัยใหม่ในอาเซียน : ผลักดันให้เป็น blockchain hub เพื่อระดมทุนการเกษตรและ SME รวมทั้งสนับสนุนศิลปินไทยให้ขาย NFT
- แก้ไขปัญหา PM2.5 : จะลดระดับความอันตรายให้รวดเร็วที่สุดโดยไม่โทษประชาชน จะให้การศึกษา และแก้ปัญหาร่วมกันประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมปรับให้มีการปล่อยน้ำท่วมตอข้าวแทนการเผาไร่นา ใช้รถไถกลบแทนการเผา ออกกฎหมายลิมิตควันพิษ และผลักดันการใช้รถไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ
“พรรคเพื่อไทยห่วงใยประชาชน เรารักประชาชนด้วยใจจริง อยากเห็นประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น … สุดท้ายนี้ ดิฉันขอให้ทุกๆ ท่านได้ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย ชนะใจของประชาชนอย่างมากมาย”
“ดิฉันขอให้ประเทศไทย มีพรรคเพื่อไทยที่จริงใจ รักประชาชนอย่างแท้จริง มาดูแลชีวิตของพี่น้องประชาชนทุกๆ คนอย่างแท้จริง และเราจะมาร่วมกันแก้ปัญหาที่สะสมมา 8 ปี ให้เบาบาง และหายไปในที่สุด” อุ๊งอิ๊ง ประกาศ ตามมาด้วยเสียงปรบมือถล่มทลายจากผู้ร่วมงาน
หลังอุ๊งอิ๊งประกาศนโยบายส่วนหนึ่งจบ ก็ถึงคิวของ เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ขึ้นแถลงนโยบายด้านเศรษฐกิจ การต่างประเทศ และสิทธิเสรีภาพ เศรษฐาเริ่มต้นแถลงด้วยการประกาศว่า “8ปีที่ผ่านมา ประเทศของเราถดถอยลงเรื่อยๆ ผมเห็นกับตาตัวเองถึงความเดือดร้อน คับแค้นใจ และความยากลำบากหลายประการของคนในประเทศ”
“จากการลงพื้นที่ ผมเห็นเกษตรกรมีรายได้ลดลง สวนทางกับรายจ่ายที่สูงขึ้น ผมเห็นการศึกษาและแบบเรียนที่ล้าสมัย ผมเห็นผู้นำที่ไร้หัวใจ ขับไล่ประชาชนของตัวเองที่มีศักยภาพ คนที่รักประเทศของตัวเอง คนที่ตั้งใจจะทำให้ประเทศดีขึ้น แต่ถูกขับไล่ออกจากแผ่นดินที่เขาเกิด แค่เพียงเพราะคนเหล่านี้ไม่อยู่ภายใต้โอวาท” เศรษฐา ระบุ ก่อนจะเปิดตัวนโยบายสำคัญเพิ่มเติม ดังนี้
- กระตุ้นเสดกิดให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ : จะนำธุรกิจที่ไม่เสียภาษีมาเข้าสู่ระบบ เพื่อให้รัฐเก็บภาษีได้ 3 แสนล้านล้านบาท แถมได้ลดมาเฟีย–ตำรวจส่วน และจะสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัล (digital wallet) ที่คนไทยจะได้เหรียญดิจิทัลเข้ากระเป๋าเงิน และเอาเหรียญไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันจากร้านค้าในรัศมี 4 กิโลเมตรตามบัตรประชาชน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นด้วย ส่วนร้านค้าก็เอาเหรียญไปแลกเป็นเงินบาทได้
- เปิดประตูการค้าต่างประเทศ : จะเจรจาสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ดีขึ้นเพื่อเปิดประตูการค้า จะผลักดันให้พาสปอร์ตไทยได้รับการยกเว้นวีซ่าในหลายๆ ประเทศ จะผลักดันการเติบโตการท่องเที่ยว โดยสนับสนุนให้คนไทยและต่างชาติเที่ยวเมืองรองมากขึ้น และจะเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเอาเงินต่างประเทศมาฝากไทย
- สิทธิเสรีภาพ : จะเปลี่ยนการเกณฑ์ทหารให้เป็นระบบสมัครใจ เพื่อทำให้ทหารต้องพัฒนาหลักสูตรการฝึก และทำให้สถาบันทหารเป็นมืออาชีพมากขึ้น และจะสนับสนุนสิทธิความหลากหลายทางเพศ โดยจะสร้างความเสมอภาคให้มากกว่าเดิม แก้กฎหมายเพื่อคืนสิทธิ และจะไม่ด้อยสิทธิใคร
“ผมอยากเห็นคนเท่ากัน ทุกคนคือคนเหมือนกัน มีสิทธิและเสียงเท่ากัน ขอประกาศเลยว่า ใต้รัฐบาลเพื่อไทย เราจะไม่สนับสนุนการจัดวงสังคมที่อภิสิทธิ์ชน นักบริหาร ข้าราชการมาเอื้อประโยชน์กันเองและทำให้นโยบาย กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมถูกบิดพริ้ว ผมอยากเห็นสังคมเส้นสายและเลือกปฏิบัติหมดไป”
“รัฐบาลเพื่อไทยจะทำให้ประชาชนทุกคนทุกกลุ่ม มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีกิน มีใช้ และมีศักดิ์ศรี” เศรษฐาทิ้งท้าย ก่อนผู้เข้าร่วมงานจำนวนมากจะร่วมส่งเสียงโห่ร้องเพื่อให้กำลังใจ