“ถ้าเปรียบเทียบเป็นมวย ทนายษิทราแค่ไลท์เวท ส่วนผมมันเฮฟวี่เวท” ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.
ในวันนี้เกิดข้อพิพาทกันขึ้นระหว่างนักแฉคือ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักธุรกิจที่ออกมาแฉเรื่อง ‘ทุนจีนเทา’ กับ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาฯ มูลนิธิทนายความเพื่อประชาชน The MATTER ไล่เรียงประเด็นกล่าวหามาให้ดูกัน
- ทนายษิทราแฉชูวิทย์รับเงินจีนเทา
เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 22 มีนาคม 2566 ทนายษิทราได้โพสต์ภาพถุงกระดาษ 2 ใบที่ภายในบรรจุเงินสดจำนวนมาก พร้อมเขียนแคปชั่นว่า “แฉไป แถไป”
ทนายษิทราได้เข้าไปคอมเมนต์ต่อในโพสต์ที่ตัวเองเขียนว่า “ไถเงินสีเทามา 50 ล้าน บริจาคเอาหน้า 3 ล้าน สร้างภาพกลับตัวกลับใจ ผมเป็นคนนึงที่ชื่มชมมาตลอด แต่พอรู้ความจริงแล้ว มันหมดรักเลยจริงๆ ผมไม่อยากให้มีอาชีพแบบนี้ สร้างประเด็นข่าวดีๆ แล้วไถ ใครยอมจ่ายก็ไม่พูดถึง เราจะยกย่องคนแบบนี้เป็นฮีโร่จริงๆ หรือครับ”
ก่อนที่ในเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันเดียวกัน ชูวิทย์ จะออกมาโพสต์รูปที่ตัวเองบริจาคเงินจำนวน 6 ล้านบาทให้แก่ รพ.ธรรมศาสตร์และ รพ.ศิริราชก่อนจะเขียนแคปชั่นเป็นเชิงยอมรับว่า เขาได้รับเงินจากนายตำรวจผู้ใหญ่นายนึงจริง โดยระบุว่าเป็นเงินจาก ‘สารวัตรซัว’ อดีตนายตำรวจที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์เพื่อให้หยุดการกล่าวถึงสารวัตรซัว โดยชูวิทย์กล่าวว่าถึงแม้เขาจะปฏิเสธที่จะไม่รับแล้ว แต่ยังถูกยัดเยียดจึงรับเอาไว้
ชูวิทย์ชี้แจงในโพสต์ดังกล่าวต่อว่า ได้นำเงิน 3 ล้านไปมอบให้ รพ.ธรรมศาสตร์ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 และอีก 3 ล้านมอบให้โรงพยาบาลศิริราชในวันที่ 15 มีนาคม 2566
“จะเรียกผมว่าอะไรก็ได้ นักบุญ คนบาป โรบินฮู้ด นักแฉใจบุญ” ชูวิทย์เขียนไว้ในโพสต์ดังกล่าว ก่อนที่ทนายษิทราจะมาคอมเมนต์ใต้โพสต์ในเชิงตั้งคำถามว่า ถ้าเขาไม่โพสต์ลงเฟซบุ๊ก จะมีคนรู้ไหมว่าชูวิทย์รับเงินจริงๆ และตั้งคำถามถึงยอดเงินทั้งหมดที่ชูวิทย์ได้รับ
- 3 ล้านบาทหรือ 50 ล้านบาท
ตัวเลขยอดเงินที่ได้รับเป็นหนึ่งในประเด็นที่ถกเถียงกันระหว่างชูวิทย์และทนายษิทรา โดยทนายษิทราได้ออกมาแถลงยืนยันว่า ชูวิทย์น่าจะได้รับเงินมากกว่าที่นำไปบริจาค และตั้งคำถามว่าเงินจำนวนนั้นไปอยู่ที่ไหน
ทนายษิทราได้แถลงข่าวระบุว่าชูวิทย์รับเงินมากกว่าที่บริจาคไปจริงๆ โดยใช้วิธีการทางคณิตศาสตร์ วัดความสูงและความกว้างของเงินเทียบกับขนาดของถุงกระดาษทั่วไป ทนายษิทรากล่าวว่าตามวิธีการคำนวณข้างต้น เงินที่ชูวิทย์ได้รับจากถุงกระดาษน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
ทนายษิทรายังกล่าวต่อว่า ชูวิทย์มี “กล่องดวงใจ” คนหนึ่งซึ่งทำธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า และคนผู้นี้เองที่เป็นคนพาตัวแทนจากเว็บไซต์พนันออนไลน์เข้าพบและมอบเงินให้ชูวิทย์ ที่โรงแรมเดวิด
ทนายษิทราได้แถลงข่าวฝากไปถามถึงชูวิทย์ว่า รู้จัก ‘แทนไท’ ผู้ต้องหาคดีเว็บพนันออนไลน์หรือไม่ ถ้ารู้จักทำไมถึงแฉชายคนนี้เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2566 แล้วเหตุใดไม่แฉต่อ เป็นเพราะ “กล่องดวงใจ” หรือคนสนิทชูวิทย์พาแทนไทไปพบชูวิทย์เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2566 หรือไม่
ทนายษิทรายังทิ้งท้ายว่า จะมอบข้อมูลให้ตำรวจสอบสวนกลางติดตามว่า มีใครมอบเงินสกุลดิจิทัลจำนวน 50 ล้านบาทผ่านระบบออนไลน์ให้แก่ “กล่องดวงใจ” ของชูวิทย์หรือไม่
ต่อมา ชูวิทย์ ได้ออกมาแถลงโต้ตอบเช่นกัน โดยเขาได้ชี้แจงข้อมูลในเรื่องนี้ทั้งหมด 3 ประเด็น
ประเด็นแรก ข้อมูลของทนายษิทรามาจากไหน ชูวิทย์กล่าวว่าทนายษิทราได้ข้อมูลมาจากคนชื่อ ‘เปา’ ซึ่งชูวิทย์เคยดูแลมาตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อชูวิทย์ต้องเข้าเรือนจำ จึงฝากให้เปาเก็บค่าเช่าคอนโดให้ทั้งหมด แต่ปรากฎว่าเปาบอกเก็บเงินไม่ได้ แต่ชูวิทย์รู้ว่าโกหกจึงด่าทอ ต่อมาเปาจึงขอลาออกเพื่อไปทำงานกับสารวัตรซัว
ประเด็นที่สอง ยืนยันว่าได้รับเงินแค่ 6 ล้าน ชูวิทย์กล่าวว่ามีนายตำรวจ 2 นาย คนหนึ่งชื่อย่อ อ. ยศ พล.ต.ต. ยังรับราชการอยู่ อีกคนชื่อย่อ ป. ยศ พล.ต.ท. เกษียณอายุราชการแล้ว ซึ่งรู้จักกันตั้งสมัยชูวิทย์ยังทำอาบ อบ นวด ได้เข้ามาพบชูวิทย์และมอบเงินดังกล่าวให้
ชูวิทย์ตั้งคำถามกลับว่า ถ้าเขามีเงิน 10 ล้านบาทจริง ทำไมไม่เก็บไว้เองจะเอาไปบริจาคทำไม หรือถ้าไม่อยากให้เป็นที่สังเกต ทำไมไม่เก็บไว้ 6 ล้านบาท แล้วนำไปบริจาค 4 ล้านบาทแทน ก่อนที่ชูวิทย์จะตั้งคำถามกลับไปที่ทนายษิทราว่า แล้วทนายษิทรารับงานใครมาหรือไม่?
“จึงอยากถามว่า ทนายตั้มรับงานใครมาโจมตีผมในขณะนี้ ในขณะที่เครื่องร้อน ใน ขณะที่ผมพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็มีทั้งพี่สนธิเล่นผม มีทั้งทนายตั้ม มีทั้งสันธนะ มีทั้งศรีสุวรรณ ใครต่อใครรุมผม แต่คุณฟังผมดีๆ ในงานนี้ผมตั้งใจและเต็มใจที่จะสู้ เมื่อเปิดหน้าชกแล้วย่อมมีคนที่รุมผม แต่ผมไม่กลัวคนรุม บอกว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่สีเทามาหาผม ก็จริงครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะหยุดพูด”
ประเด็นที่สาม ข้อมูลแทนไทน้อยเกินไป ชูวิทย์ชี้แจงว่าเหตุที่ไม่แฉแทนไทต่อ เป็นเพราะว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับแทนไทน้อย แต่แทนไทเคยมาพบชูวิทย์จริง แต่ไม่ได้นำเงินมาให้ โดยมาหาเพื่อเล่าว่าไปหา สนธิ ลิ้มทองกุล มาเรื่องคดีความ ซึ่งชูวิทย์ก็ได้เตือนไปว่าอย่าฟ้องสนธิเลย
ทั้งนี้ ชูวิทย์ยอมรับว่ามีกลุ่มทุนสีเทาเข้ามาพบเขาหลายครั้งจริง แต่
- ชาวเน็ตคิดเห็นอย่างไร
หลายเพจในเฟซบุ๊กต่างติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และชาวเน็ตบางส่วนได้ตั้งคำถาม อาทิ การแฉครั้งนี้มุ่งเพื่อประโยชน์อะไร? ตลอดจนมีการถกเถียงว่า ถ้าชูวิทย์รับเงินจากกลุ่มจีนเทาจริง มันจะผิดอย่างไร ในเมื่อชูวิทย์ยังคงไม่หยุดแฉธุรกิจผิดกฎหมายเช่นนี้อยู่
อ้างอิงจาก:
https://twitter.com/MorningNewsTV3/status/1638727262815092736
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/193063
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/193075
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_7573672
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/193075
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9660000015970