จะเป็นอย่างไร ถ้าเรายืนซื้อของอยู่เฉยๆ แล้วถูกใครก็ไม่รู้เข้ามาทำร้าย แต่สุดท้ายเราก็โดนจับด้วย?
เรื่องราวต่อจากนี้ เป็นเรื่องของผู้หญิงอิหร่าน 2 คนที่ไม่สวมฮิญาบยืนอยู่ในร้านค้า หลังจากนั้นก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดคุยด้วย แต่จู่ๆ ชายแปลกหน้าคนนั้นก็กลับคว้าถ้วยโยเกิร์ตแล้วสาดใส่หัวของเธออย่างโกรธแค้นหลายครั้ง ก่อนที่เจ้าของร้านจะผลักชายคนดังกล่าวออกไป
ต่อมา หญิงอิหร่าน 2 คนนั้นก็ถูกจับ โดยตุลาการของอิหร่านกล่าวว่าผู้หญิง 2 คนถูกควบคุมตัวเนื่องจากพวกเธอเปิดเผยเส้นผมในที่สาธารณะ ซึ่งผิดกฎหมายในอิหร่าน ส่วนชายคนนั้นก็ถูกจับในข้อหาสร้างวุ่นวายในที่สาธารณะ
รวมไปถึงเจ้าของร้านก็ยังได้รับ ‘ประกาศที่จำเป็น’ เพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าของร้านจะปฏิบัติตามกฎหมาย [การสวมฮิญาบ] อย่างไรก็ตาม จากการรายงานในโซเชียลมีเดีย ก็เห็นว่าร้านค้านั้นถูกปิดไปแล้ว
หลังจากวิดีโอที่หญิง 2 คนถูกปาโยเกิร์ตใส่เป็นไวรัล ทางด้านประธานาธิบดีอิหร่าน อิบราฮิม ไรซี (Ebrahim Raisi) ก็ออกมากล่าวว่า การสวมฮิญาบยังเป็นเรื่องจำเป็นทางศาสนาอยู่ “ถ้าไม่เชื่อในฮิญาบ ก็ควรจะโน้มน้าวคนอื่น แต่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้กฎหมายระบุให้สวมฮิญาบ”
นอกจากนี้ จากแนวคิดว่า ฮิญาบคือหนึ่งในรากฐานอารยธรรมของประเทศอิหร่าน และหนึ่งในหลักการเชิงปฏิบัติของสาธารณรัฐอิสลาม ทำให้คนที่โจมตีผู้หญิงที่ไม่ได้สวมฮิญาบ ไม่ต้องได้รับโทษในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ภายใต้กฎหมายอิสลามของอิหร่าน ซึ่งกำหนดไว้หลังการปฏิวัติปี 1979 ระบุว่าผู้หญิงมีหน้าที่ต้องคลุมผมและสวมเสื้อผ้าที่ยาวและหลวม เพื่ออำพรางร่างของพวกเขา ผู้ฝ่าฝืนต้องเผชิญกับการตำหนิ ค่าปรับ หรือการจับกุมในที่สาธารณะ
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎหมายดังกล่าวอยู่ แต่ผู้หญิงในเมืองใหญ่ๆ ก็เดินไปตามที่สาธารณะโดยไม่ได้สวมฮิญาบเช่นกัน โดยการต่อต้านฮิญาบนี้ เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว หลังจากการเสียชีวิตของมาห์ซา อามีนี (Mahsa Amini) วัย 22 ปี ที่ถูกตำรวจศีลธรรมควบคุมตัวไว้ในกรุงเตหะราน จากข้อกล่าวหาละเมิดกฎที่กำหนดให้ผู้หญิงต้องสวมฮิญาบ จนกลายมาเป็นการประท้วงเพื่อประณามการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิงและกลายเป็นการต่อต้านกฎการคลุม
จากนั้น การประท้วงขยายวงกว้างขึ้น ส่งผลให้มีผู้ถูกจับกุมหลายพันคนและผู้ประท้วง 4 คนถูกประหารชีวิตตั้งแต่เดือนธันวาคม แต่จนถึงปัจจุบัน ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะผ่อนปรน
อ้างอิงจาก