เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นเจ้าวาฬลายดำขาวตัวนี้ในสารคดีไม่ก็ในสวนสัตว์ พร้อมกับรู้สึกว่ามันก็น่ารักดีนะ แต่สำหรับสัตว์ชนิดอื่นๆ คงไม่คิดเหมือนกับเราเพราะมันกินเหยื่ออย่างปลาโลมา เพนกวิน หรือแม้แต่วาฬด้วยกันเอง จนมันขึ้นชื่อว่า ‘วาฬที่ดุร้ายที่สุดในโลก’ แต่วาฬเพชฌฆาตตัวหนึ่งนามโลลิต้ากำลังได้รับการปล่อยตัวจากสวนสัตว์หลังอยู่มา 50 ปี
กลุ่มสิทธิสัตว์ Friends of Toki และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไมอามี่ (Miami Seaquarium) ออกแถลงข่าวร่วมกันเมื่อวันพฤหัสบดี (30 มีนาคม) ที่ผ่านมาว่า พวกเขาวางแผนที่จะปล่อยโลลิต้าเจ้าปลายักษ์ที่มีน้ำหนักมากกว่า 2,260 กิโลกรัม
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ มีการประท้วงและการยื่นฟ้องเป็นเวลานานกว่าทศวรรษ เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยโลลิต้ากลับคืนสู่ธรรมชาติ และในที่สุดกลุ่มสิทธิสัตว์ก็สามารถลงนามข้อตกลงกับพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำได้ ที่จะปล่อยปลาวาฬเพชฌฆาตตัวนี้ ซึ่งการเคลื่อนย้ายมันจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจาก จิม เออร์เซย์ (Jim Irsay) เจ้าของเนชันแนลฟุตบอลลีก (NFL)
ทำให้อีกไม่นานนี้ โลลิต้าจะได้กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด นั่นก็คือมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งก็เป็นสถานที่เดียวกับที่มันถูกพรากมาตั้งแต่มีอายุเพียง 4 ขวบ จนถึงตอนนี้เวลาล่วงเลยมามากกว่า 50 ปีแล้ว อย่างไรก็ดี โลลิต้ากำลังถูกปล่อยกลับคืนสู่น่านน้ำบ้านเกิดในเร็วๆ นี้แล้ว แม้ว่าการเคลื่อนย้ายอาจใช้เวลานานถึง 24 เดือน และมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 20 ล้านดอลลาร์ (หรือราว 687,400,000 บาท)
ทั้งนี้ ในช่วงระยะเวลา 24 เดือนนี้ โลลิต้าจะอยู่ภายใต้การดูแลของครูฝึก เพราะเธอจำเป็นต้องได้รับการฝึกสอนให้ล่าสัตว์เป็น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้ชีวิตในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
“นี่ถือเป็นก้าวสำคัญในการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติของเรา โดยการแก้ไขสิ่งที่เราเคยทำผิดพลาด นั่นก็คือการแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองเพียงเท่านั้น” โฮเวิร์ด การ์เร็ต (Howard Garrett) ประธานคณะกรรมการกลุ่มผู้สนับสนุน Orca Network กล่าว
อย่างไรก็ตาม โลลิต้าเป็นที่รู้จักในนามวาฬเพชฌฆาตถิ่นใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งวาฬอย่างโลลิต้าเหลือเพียง 73 ตัวเท่านั้น ในน่านน้ำระหว่างวอชิงตันและแคนาดา เพราะพวกมันประสบกับจำนวนประชากรที่ลดลงอย่างมากในช่วงทศวรรษ 1960-1970 เนื่องด้วยฝีมือของมนุษย์ อาทิเมื่อ 50 ปีก่อนที่มีการจับวาฬ 45 ตัว ที่รวมถึงโลลิต้าด้วย เพื่อส่งไปยังสวนสัตว์ทั่วโลก
ไม่เพียงเท่านี้ นักวิจัยคิดว่าแม่ของโลลิต้าถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่คงมีอายุเกือบ 100 ปีแล้ว และอาจจะเป็นหนึ่งในวาฬเพชฌฆาตที่เหลืออยู่ไม่กี่ตัวในน่านน้ำแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ ดังนั้น โลลิต้าอาจมีโอกาสได้พบกับแม่ของมันอีกครั้งก็เป็นได้
“ฉันคิดว่าเธอคงตื่นเต้นและโล่งใจที่จะได้กลับบ้าน ซึ่งเป็นที่ที่เธอจากมาตั้งแต่ยังเด็ก”
อ้างอิงจาก