เป็นอีกเรื่องน่าใจหาย เมื่อในวันนี้ (19 สิงหาคม) เวลา 4.22 น. ตามเวลาประเทศไทย แอคเคานต์พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไมอามี (Miami Seaquarium) โพสต์ว่า ‘โลลิต้า’ วาฬเพชฌฆาต [สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตระกูลโลมา] ที่กำลังเตรียมตัวกลับสู่มหาสมุทรบ้านเกิดของมัน ตายแล้ว
ในโพสต์ดังกล่าวระบุว่า ในช่วงสองวันที่ผ่านมาโลลิต้า เริ่มแสดงอาการไม่สบายอย่างรุนแรง ซึ่งทางทีมสัตวแพทย์ก็ได้เข้าไปรักษาโดยทันที แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตมันไว้ได้ เบื้องต้น ทางพิพิธภัณฑ์คาดว่าสาเหตุการตายน่าจะมาจากปัญหาเรื่องไต
โลลิต้า หรืออีกชื่อที่เรียกว่า ‘โทคิ’ เป็นวาฬเพชฌฆาตเพศเมียที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งจับมาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1970 นอกชายฝั่งรัฐวอชิงตันในขณะที่มันอายุราวๆ 4 ปี ก่อนที่มันจะถูกขายไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไมอามี
เมื่อมันเดินทางไปถึงไมอามีครั้งแรก มันถูกจัดให้อาศัยอยู่ข้างวาฬเพชฌฆาตเพศผู้อีกตัวชื่อว่า ‘ฮิวโก้’ เป็นเวลาประมาณ 10 ปี ก่อนที่ฮิวโก้จะจากไปในปี 1980
โลลิต้า ใช้เวลา 53 ปีของมันอยู่ในบ่อน้ำเย็นเยียบขนาด 26 x 11 เมตร ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามันมีขนาดเล็กจนเป็นอันตรายสำหรับสัตว์ที่มีความยาวประมาณ 6 เมตร
ในขณะที่โลลิต้าต้องอาศัยอยู่ในพิพิธภัณฑ์ ก็มีกลุ่มสิทธิสัตว์ ‘Friends of Toki’ ที่ออกมาเรียกร้องให้ปล่อยโลลิต้ากลับคืนสู่มหาสมุทรบ้านเกิดของมัน
การต่อสู้กว่าทษวรรษของกลุ่มสิทธิสัตว์ก็เกือบประสบผลสำเร็จ เมื่อปีที่แล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ประกาศว่าโลลิต้า ‘ลาออกจากงาน’ ที่ทำอยู่กว่า 50 ปี และในวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำไมอามีออกแถลงข่าวว่า พวกเขาจะเริ่มกระบวนการคืนโลลิต้ากลับสู่ที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติในอีก 2 ปีข้างหน้า เพราะต้องให้มันปรับตัว และเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตตามธรรมชาติ เช่นการหาอาหารกินเองด้วย
ปริทัม ซิงห์ (Pritam Singh) ผู้นำกลุ่มสิทธิสัตว์ เคยกล่าวว่า “มันอดทนต่อความยากลำบากที่มนุษย์บังคับให้มันทำ…มันใช้ชีวิตผ่านการถูกจองจำและการตายของครอบครัว มันใช้ชีวิตผ่านการอยู่ในแทงค์น้ำขนาดเล็กนี้เป็นเวลาหลายปี เมื่อคุณเห็นมัน พลังชีวิตของมัน มันทำให้คุณต้องน้ำตาไหล”
ที่ผ่านมา โลลิต้าก็มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ นอกจากปัญหาเรื่องไต โดยในการประเมินสวัสดิภาพของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเลเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม สัตวแพทย์ก็ระบุว่ามันยังคงต่อสู้กับการติดเชื้อ รู้สึกไม่สบายท้องและมีรอยโรคที่ปอด หรือที่สัตวแพทย์อธิบายว่า ‘เป็นการติดเชื้อที่ปอดเรื้อรัง’ อีกเช่นกัน
แม้ว่าโลลิต้า จะไม่ได้กลับบ้านเกิดของมัน แต่ทางกลุ่มสิทธิสัตว์ Friends of Toki ก็ระบุว่าที่ผ่านมา มันเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่โชคดีที่ได้ฟังเรื่องราวของมัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกับชาวลุมมี (Lummi nation) ที่ถือว่าครอบครัวของเธอ
“พวกเราที่ได้รับเกียรติและช่วงเวลาพิเศษที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเธอจะจดจำจิตวิญญาณที่สวยงามของเธอตลอดไป” Friends of Toki ทิ้งท้าย
อ้างอิงจาก