วันอังคารที่ 4 เมษายน (ตามเวลาในสหรัฐฯ) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ขึ้นศาลสูงสุดแห่งรัฐนิวยอร์ก เพื่อไปฟังข้อหาคดีอาญาทั้ง 34 กระทง กรณีจ่ายเงินปิดปาก สตอร์มี แดเนียลส์ (Stormy Daniels) นักแสดงหนังผู้ใหญ่ ที่กล่าวหาว่าทรัมป์เคยมีเซ็กซ์กับเธอ
‘คดีประวัติศาสตร์’ คือคำที่สื่อต่างประเทศแทบทุกแห่งพร้อมใจกันเรียก เพราะนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่เคยมีอดีตประธานาธิบดีตกเป็นจำเลยในคดีอาญา
“ทุกคนเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย” แอลวิน แอล. แบร็กก์ (Alvin L. Bragg) อัยการเขตแมนฮัตตัน จากพรรคเดโมแครต กล่าว “ไม่มีเงินจำนวนเท่าใดก็ตาม อำนาจมากเท่าใดก็ตาม” จะเปลี่ยนข้อเท็จจริงนี้ได้
ทำไม ‘ทรัมป์’ ถึงกลายเป็นจำเลย? ปฏิกิริยาของตัวละครทางการเมืองในสหรัฐฯ เป็นอย่างไร? และจะเกิดอะไรขึ้นต่อ? The MATTER อธิบายทั้งหมดไว้ในโพสต์นี้
ทำไมทรัมป์ถึงโดนคดีอาญา?
ที่ทรัมป์ต้องไปขึ้นศาล เนื่องจากต้องไปรับฟังข้อกล่าวหาซึ่งเป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรง (felony) 34 กระทง เกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินปิดปากจำนวน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4.4 ล้านบาท ให้กับ สตอร์มี แดเนียลส์ นักแสดงหนังผู้ใหญ่ ซึ่งพยายามจะเปิดโปงเรื่องที่ทรัมป์เคยมีเซ็กซ์กับเธอ
ต้นเรื่องมาจากความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนในปี 2006 ที่แดเนียลส์อ้างว่าเกิดขึ้นจริง ในขณะที่ทรัมป์ปฏิเสธมาตลอด พอมาถึงปี 2016 ช่วงก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แดเนียลส์พยายามจะขายเรื่องนี้ให้กับสื่อ
ตอนแรกตัวแทนของแดเนียลส์ได้ติดต่อไปยังแท็บลอยด์ National Enquirer เพื่อพยายามจะขายสิทธิให้ถือเรื่องราวของเธอแต่เพียงผู้เดียว แต่ปรากฏต่อมาว่า เดวิด เพ็กเกอร์ (David Pecker) บก.ของแท็บลอยด์ และคนสนิทของทรัมป์ ได้ติดต่อไปที่ ไมเคิล ดี. โคเฮ็น (Michael D. Cohen) ทนายความของทรัมป์ และเป็นตัวกลางปิดดีลให้กับแดเนียลส์และโคเฮ็น
สุดท้ายปิดดีลกันได้ ด้วยการที่โคเฮ็นจ่ายเงินปิดปากจำนวน 130,000 ดอลลาร์ ให้กับแดเนียลส์ ซึ่งเงินจำนวนนี้ ทรัมป์จ่ายคืนให้กับโคเฮ็นในขณะที่เป็นประธานาธิบดีอยู่ในทำเนียบขาว นั่นจึงเป็นที่มาของคดีอาญาที่เกิดขึ้น เพราะมีการปลอมแปลงเอกสารว่าเป็น ‘ค่าธรรมเนียมทางกฎหมาย’ ในการว่าจ้างทนายความ ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง
ทั้ง 34 กระทง มีข้อหาอะไรบ้าง?
สุดท้ายจึงกลายเป็นข้อกล่าวหาปลอมแปลงเอกสาร 34 กระทง ประกอบไปด้วย 11 กระทงจากเช็กเงินสด 11 กระทงจากใบเสร็จที่โคเฮ็นบันทึกไว้กับบริษัท และ 12 กระทงจากรายการที่ทรัมป์บันทึกไว้ในบัญชีแยกประเภท (general ledger)
และทั้งหมดนี้ อัยการยืนยันความเชื่อมโยงโดยอ้างถึงการพบกันระหว่างทรัมป์กับโคเฮ็น ณ ห้องทำงานรูปไข่ (Oval Office) แห่งทำเนียบขาว
ทั้ง 34 กระทงนี้ เราสรุปได้คร่าวๆ เป็น 3 กลุ่มข้อหาหลัก ดังนี้
- ข้อกล่าวหาหลักเลย คือ ทรัมป์ ”ปลอมแปลงเอกสารธุรกิจในนิวยอร์กอย่างซ้ำๆ และฉ้อฉล” เพื่อ “ปกปิดการกระทำอันเป็นอาชญากรรมของการปิดบังข้อมูลจากสาธารณะ ในช่วงระหว่างหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016”
- การปกปิดข้อมูลนี้ ก็ “ละเมิดกฎหมายเลือกตั้ง” และนำมาสู่การ “ปลอมแปลงข้อมูลในบันทึกทางธุรกิจของเอกสารหลายฉบับในนิวยอร์ก”
- นอกจากนี้ ทรัมป์และพวกยัง “จงใจระบุการโอนเงินผิดประเภท เพื่อจุดประสงค์ทางภาษี”
ในการขึ้นศาลล่าสุด ทรัมป์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาทั้งหมดที่กล่าวมานี้ นั่นแปลว่าการไต่สวนในชั้นศาลจะดำเนินต่อไปอย่างยืดเยื้อ สำหรับอดีตประธานาธิบดีผู้หมายมั่นจะกลับมาในการเลือกตั้งปี 2024 และเป็นที่น่าติดตามว่าการดำเนินคดีจะทำลายภาพลักษณ์เขาได้มากแค่ไหน ก่อนที่ศาลจะพิพากษาในท้ายที่สุด
ปฏิกิริยาในการเมืองสหรัฐฯ เป็นอย่างไร?
คดีนี้มาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญในการเมืองสหรัฐฯ เพราะในช่วงเดือนข้างหน้า ก็จะเริ่มเข้าสู่การหาเสียงอย่างดุเดือด เพื่อสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ที่ทรัมป์เองก็ประกาศว่าจะลงสมัครด้วย ชวนมาดูกันว่า แต่ละฝ่ายในสหรัฐฯ มีปฏิกิริยาต่อคดีนี้อย่างไร
สำหรับทรัมป์ที่ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ได้ออกมาแสดงจุดยืนของตัวเอง และโจมตีอัยการ ใน Truth Social โซเชียลมีเดียของเขาเอง ด้วยการบอกว่า เรื่องนี้ไม่มีประเด็นให้ฟ้องร้อง
“ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายแทบทุกคนบอกว่าไม่มีประเด็นให้ฟ้องในเรื่องนี้ มันไม่มีการทำผิดกฎหมายอะไรเลย!” ทรัมป์ระบุ
ขณะที่แบร็กก์ อัยการที่เป็นตัวละครหลักในการฟ้องร้อง แถลงโดยกล่าวว่า “แมนฮัตตันเป็นแหล่งของตลาดธุรกิจที่สำคัญที่สุดของประเทศ เราไม่สามารถปล่อยให้ธุรกิจในนิวยอร์กปลอมแปลงเอกสารของตัวเองเพื่อปกปิดการกระทำอันเป็นอาชญากรรมได้
“วันนี้เราปฏิบัติตามความรับผิดชอบของเรา ในการทำให้ทุกคนเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย” แบร็กก์กล่าว
ขณะที่ทางฝั่งประธานาธิบดี โจ ไบเดน (Joe Biden) แทบไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ คารีน ฌ็อง–ปิแอร์ (Karine Jean-Pierre) โฆษกทำเนียบขาว ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อว่า “มันเป็นคดีที่ยังดำเนินอยู่ เพราะฉะนั้นเราจะไม่แสดงความเห็นถึงคดีนี้โดยตรง ประธานาธิบดีจะโฟกัสกับประชาชนอเมริกันต่อไป เหมือนที่เขาทำอยู่ทุกวัน”
แล้วความเห็นของทั้งฝั่งเดโมแครตและรีพับลิกันเป็นอย่างไร? แอนโทนี ซูร์เชอร์ (Anthony Zurcher) ผู้สื่อข่าวอาวุโส BBC ประจำทวีปอเมริกาเหนือ วิเคราะห์ว่า สำหรับฝั่งเดโมแครต น่าจะไม่ออกมาพูดอะไรเหมือนกับไบเดน เพราะไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วอาจจะเพิ่มฐานเสียงให้กับรีพับลิกันมากกว่าจะทำลายทรัมป์
ขณะที่ทางฝั่งรีพับลิกันที่ก่อนหน้านี้ค่อนข้างเห็นตรงกันในการปกป้องทรัมป์ ก็จะยังคงรวมตัวกันปกป้องต่อไปอย่างไม่แตกแยก โดยส่วนใหญ่มักจะมองเรื่องนี้ว่าเป็นคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง และไม่มีความชอบธรรมในการดำเนินคดีกับทรัมป์
อย่างเช่น มิตต์ รอมนีย์ (Mitt Romney) เอง ซึ่งเป็นรีพับลิกันฝ่ายที่วิจารณ์ทรัมป์หนักหน่วงที่สุด ก็ยังแถลงว่า “ผมเชื่อว่าตัวตนและการกระทำของประธานาธิบดีทรัมป์นั้นทำให้เขาไม่เหมาะกับการดำรงตำแหน่ง
“กระนั้นก็ดี ผมเชื่อว่าอัยการนิวยอร์กได้กระทำการเกินขอบเขตเพื่อให้ตั้งข้อหาอาชญากรรมร้ายแรง ซึ่งทำเพื่อให้สอดคล้องกับวาระทางการเมือง” รอมนีย์กล่าวต่อมา
จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?
ภายหลังจากรับทราบข้อกล่าวหา ศาลก็อนุญาตให้ทรัมป์กลับบ้านได้ ซึ่งเขาก็บินกลับบ้านพักที่รีสอร์ตมาร์อาลาโก (Mar-a-Lago) ทันที แต่คดีนี้ก็จะยังดำเนินต่อไป โดยเฉพาะเมื่อเขาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทำให้ต้องมีกระบวนการไต่สวนยืดเยื้อ ต้องมารอดูกันต่อไปว่าจะส่งผลกระทบต่อการหาเสียงของเขาหรือเปล่า
แล้วทรัมป์จะติดคุกไหม? Fox News ชี้ว่า ข้อหาทั้งหมดมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 136 ปี แต่หลายฝ่ายก็เห็นตรงกันว่า ผลลัพธ์สุดท้ายแล้วทรัมป์ไม่น่าจะติดคุก
ทอม โกกัน (Tom Geoghegan) บรรณาธิการ BBC เขียนบทความอธิบายว่า มีโอกาสที่ทรัมป์จะติดคุกอยู่เหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด คือ ถูกปรับ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายหลายคนก็ยืนยันกับ BBC ว่า การจำคุกน่าจะเป็นไปได้ยาก
เช่นเดียวกับ ดันยา เพอร์รี (Danya Perry) อดีตรองอัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก ที่กล่าวกับ Reuters ว่า เธอเชื่อว่าทรัมป์จะได้รับการปล่อยตัวด้วยการให้ประกันตัวของศาล
อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่คดีอาญาคดีเดียวที่ทรัมป์ต้องเผชิญ นอกจากคดีที่นิวยอร์ก ก็ยังมีการสอบสวนอาชญากรรมกำลังดำเนินอยู่ 3 คดี ที่รัฐจอร์เจียและวอชิงตัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาโกงเลือกตั้งและการครอบครองเอกสารลับของรัฐบาลอย่างไม่ถูกต้อง
แต่ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็ยังแสดงออกว่าแคมเปญหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 ของเขา จะยังดำเนินต่อไป ซึ่งก็กลับมาพร้อมกับสโลแกนเดิม “Make America Great Again!”
เพราะ “อาชญากรรมเดียว” ที่เขาได้ทำ ก็คือ “การปกป้องชาติของเราอย่างไม่เกรงกลัว จากผู้ที่พยายามทำลายมัน!” ทรัมป์ประกาศกร้าว
อ้างอิงจาก