สืบเนื่องจากแฮ็กเกอร์ 9Near ประกาศยุติปฏิบัติการ หลังอ้างว่า เกิดความขัดแย้งกับผู้สนับสนุน และไม่อยากทำร้ายคนไทย เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา แต่ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถระบุตัวแฮ็กเกอร์พร้อมออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว ในวันเดียวกันที่แฮ็กเกอร์ยุติปฏิบัติการ แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถจับตัวได้
ช่วงบ่ายวันนี้ (7 เมษายน) ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาแถลงในประเด็นนี้ โดยมีใจความสรุปได้ ดังนี้
- รู้อะไรแล้วบ้าง
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ล็อกเป้าคนร้าย ที่ทำการแฮ็กข้อมูลได้แล้ว ระบุตัวตน คือ จ่าสิบโทชื่อ เขมรัตน์ (สงวนนามสกุล) ชาวจังหวัดนนทบุรี อายุ 33 ปี สังกัดอยู่กรมทหารการขนส่ง แต่ยังจับกุมไม่ได้ และยังไม่ฟันธงที่มาว่า ข้อมูลหลุดมาจากหมอพร้อมจริงหรือไม่
โดยเหตุที่ผู้คนเพ่งเล็งว่ามาจากหมอพร้อมนั้น เพราะเป็นแอปพลิเคชั่นที่มีข้อมูลของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจที่แท้จริงของคนร้าย แต่คาดว่าน่าจะแค่ต้องการเป็นจุดสนใจเท่านั้น และเท่าที่ตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหามีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์พอสมควร ถึงแม้ว่าจะทำงานอยู่ในสังกัดที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องเทคโนโลยีก็ตาม
พร้อมทั้งระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคมเป็นต้นมา ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามตามตัวแฮ็กเกอร์คนนี้ จนสามารถระบุได้ว่าคือใคร ในวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา จึงรีบตามจับกุมทันที แต่แฮ็กเกอร์ไหวตัวปิดโทรศัพท์หนี แต่เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปที่หน่วยงานต้นสังกัดแล้ว เพื่อร่วมมือกันนำตัวมาสอบสวน
ช่วงหนึ่งของการแถลง นักข่าวได้ถามถึงภรรยาของแฮ็กเกอร์ ซึ่งเป็นพยาบาลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องไหม อีกทั้งข้อมูลที่หลุดไปจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใด? ทางเจ้าหน้าที่ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเพราะทั้งคู่ต่างหลบหนี ส่วนผลกระทบต่อประชาชนยังต้องรอการตรวจสอบต่อไป
“ข้อมูลเป็นข้อมูลทั่วๆ ไป ที่หลุดมาจากหลายๆ แหล่ง ต้องตรวจสอบอีกที โดยคนที่จะให้คำตอบได้ก็คือคนร้ายเท่านั้น” ชัยวุฒิกล่าว พร้อมระบุว่า ประชาชนก็ต้องดูแลตัวเองด้วย เช่น อย่ารับเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย อย่าตั้งรหัสผ่านด้วยวันเดือนปีเกิด
แล้วข้อมูลหลุดมาจากหมอพร้อมจริงไหม? ยังคงเป็นข้อสงสัยสำคัญ ที่ยังไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ ก่อนจะลุกออกไปจากการแถลงข่าว เพียงชี้แจงบางส่วนว่า หากข้อมูลหลุดจากหมอพร้อมจริง หน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างกระทรวงสาธารณสุข ก็อาจถูกดำเนินคดีได้
อย่างไรก็ดี ทางหน่วยงานดิจิทัลฯ ยืนยันว่า มีมาตรการที่สามารถคุ้มครองข้อมูลประชาชนได้ เพราะพยายามตรวจสอบเสมอว่าระบบไหนมีช่องโหว่หรือไม่ หากพบก็จะรีบแก้ไข แต่ขอความร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ ด้วยในการปกป้องข้อมูลของประชาชน
- มีบทลงโทษอย่างไร?
โดยก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า ทางชุดสืบสวนได้ออกมาให้ข้อมูลว่า หลังเกิดเรื่องก็รวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบตัวแฮ็กเกอร์ 9Near ว่าเป็นใคร จึงขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับนายเขมรัตน์ ชาวจังหวัดนนทบุรี กลายเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.978/2566 ลงวันที่ 2 เมษายน 2566
ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนเผยแพร่
และข้อหาส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 2 เมษายน 9Near ประกาศว่าจะยุติปฏิบัติการ หลังเกิดความขัดแย้งกับผู้สนับสนุน พร้อมชี้แจงว่าไม่อยากทำร้ายคนไทย
- จุดเริ่มต้นกรณี แฮ็กเกอร์ 9Near
สำหรับประเด็นแฮ็กเกอร์ 9Near เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม หลังแฮ็กเกอร์ 9Near ระบุผ่านเว็บไซต์ 9near.org ว่า จะประกาศข้อมูลส่วนตัวที่อ้างว่า เป็นของคนไทย 55 ล้านคนสู่สายตาสาธารณะ พร้อมระบุว่าเป็นข้อมูลรหัสบัตรประชาชน ชื่อ-นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ และเบอร์โทรที่ติดต่อได้จริง และจะประกาศว่าข้อมูลรั่วมาจากไหน ถ้าหากองค์กรรัฐที่คิดว่าเป็นต้นทางของข้อมูลที่ถูกแฮ็กไม่ติดต่อมาก่อนวันที่ 5 เมษายน เวลา 16.00 น.
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กล่าวถึงแนวทางดำเนินการต่อกรณีที่ 9Near ขู่เปิดข้อมูลส่วนตัวคนไทยกว่า 55 ล้านรายว่า ได้ประสานผู้ให้บริการเพื่อขอปิดกั้นเว็บไซต์ 9near.org แล้วพร้อมเร่งประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง และหาตัวผู้กระทำความผิด
สรุปแถลงการณ์คือ ขณะนี้ทราบตัวคนร้ายแล้ว แต่ยังจับตัวไม่ได้ พร้อมทั้งยังไม่ทราบแรงจูงใจ และยังให้คำตอบไม่ได้ว่าการกล่าวอ้างหลายๆ เรื่องจากแฮ็กเกอร์ 9 Near ตลอดหลายวันที่ผ่านมาว่าเป็นความจริงหรือเปล่า อย่างมีนักการเมืองมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หรือมีข้อมูลของผู้คนทั้ง 55 ล้านคนทั้งหมดจริง ทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า ขอให้ประชาชนติดตามกันไปก่อน หลังจากจับผู้ต้องหาได้แล้ว
ทั้งนี้ เบื้องต้นมีข้อแนะนำให้ประชาชนไปลงบันทึกประจำวันไว้ได้ หากสงสัยว่าเข้าข่ายข้อมูลเรารั่วไหลออกไป และถูกมิจฉาชีพนำข้อมูลของเราไปใช้ประโยชน์ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบในอนาคตก็เป็นได้
อ้างอิงจาก