ในเมืองคลีธอร์ปส (Cleethorpes) ประเทศอังกฤษ กำลังมีป้ายโฆษณาชิ้นหนึ่งโผล่ขึ้นมาท่ามกลางร้านฟิชแอนด์ชิปส์มากมาย ผลงานของ People for the Ethical Treatment of Animals หรือ PETA องค์กรพิทักษ์สัตว์ชื่อดัง นำมาสู่เสียงวิพากษ์วิจารณ์
“กินปลาก็ไม่ต่างอะไรกับกินแมว” คือพาดหัวข่าวประชาสัมพันธ์จาก PETA
ป้ายโฆษณาดังกล่าวเป็นแผ่นเลนติคูลาร์ ที่ถ้ามองจากมุมหนึ่ง จะเห็นคนขายปลายืนถือปลา แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ปลาตัวนั้นจะกลายเป็นซากแมวแทน จุดประสงค์ของ PETA คือเพื่อบอกว่า เราไม่ควรกินสัตว์ไม่ว่าชนิดไหน และชวนคนมาเป็นวีแกนแทน
ในเรื่องนี้ เจนนิเฟอร์ ไวต์ (Jennifer White) ผู้จัดการฝ่ายสื่อมวลชนและการสื่อสารของ PETA บอกว่า โปสเตอร์นี้ “มีเป้าหมายเพื่อย้ำเตือนคนว่าสัตว์ทุกชนิดควรค่าแก่การปกป้องเหมือนกันหมด” และอุตสาหกรรมประมงนั้น เป็น “นักฆ่าสัตว์จำนวนมากที่สุดในโลก”
ไวต์บอกว่า “เราอยากให้คนหันมาคิดว่า ปลาเองก็มีความสามารถในการรับรู้ความเจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานได้ไม่ต่างกับแมวหรือสุนัข” ซึ่งมนุษย์นั้นมีอคติที่มาจากแนวคิด ‘เผ่าพันธุ์นิยม’ (speciecism) ที่มองว่า สัตว์บางสปีชีส์สำคัญมากกว่าสปีชีส์อื่นๆ
PETA แถลงด้วยว่า ผลจากแนวคิดเผ่าพันธุ์นิยมก็คือ ปลาถูกฆ่าตายเพื่อเป็นอาหารมากกว่าสัตว์อื่นๆ ทุกชนิดรวมกัน และในขณะเดียวกัน สัตว์น้ำอื่นๆ อีก 38 ล้านตันก็ถูกจับโดยไม่ได้ตั้งใจในแต่ละปี จากการแสวงหาแต่กำไรของอุตสาหกรรมประมง
อย่างไรก็ดี การเปรียบเทียบการกินปลากับการกินแมวในแคมเปญล่าสุดนั้น ก็ทำให้ชาวเมืองและผู้ใช้อินเทอร์เน็ตออกจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
BBC ไปสัมภาษณ์คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้วเห็นป้าย ก็มีบางคนบอกว่า “มันค่อนข้างป่วยนะ” แล้วบอกด้วยว่า “มันคือแมวอะ คุณไม่กินแมวอยู่แล้ว” ขณะที่ชาวเมืองอีกคนพูดถึงการนำแมวมาเปรียบเทียบว่า “ชัดเจนว่า ถ้าคุณรักสัตว์ นี่ก็เป็นเรื่องสะเทือนขวัญ เป็นเรื่องรบกวนจิตใจ”
ยังมีอีกคนที่มองว่า แทนที่ป้ายนี้จะส่งเสริมให้คนเลิกกินสัตว์ แต่มันกลับทำให้เขาอยากกินสัตว์มากกว่าเดิมอีก “เหมือนถูกเตือนว่าวันนี้ผมต้องกินฟิชแอนด์ชิปส์แล้วล่ะ” หรืออย่างในทวิตเตอร์ ก็มีคนมาตอบกลับ PETA อย่างประชดประชันว่า “ผมจะไม่เลิกกินแมว”
อ้างอิงจาก