จาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขึ้นกล่าวในการประชุมวันนี้ (19 กรกฎาคม) ว่าจะให้ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกล ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ อีกครั้งได้หรือไหม โดยเขามองว่า การพิจารณาของรัฐสภาในวันนี้ อาจมีผลที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็ได้
“เรากำลังพิจารณาว่า รัฐสภาจะเคารพเจตจำนงค์ของประชาชนที่แสดงออกในการเลือกตั้งที่ผ่านมาหรือไม่ กำลังจะพิจารณาที่อาจจะทำให้การตีความนำไปสู่บรรทัดฐานที่ไม่เป็นทางออก ไม่แก้ปัญหา แต่อาจนำไปสู่ความยุ่งเหยิงหรือกลายเป็นทางตัน”
จาตุรนต์ ยังกล่าวอีกว่า ข้อบังคับที่เกี่ยวกับการพินาให้เห็นชอบนายก คือข้อบังคับที่ 136 ที่เขียนตามรัฐธรรมนูญ ม.272 และ ม.159 สอดคล้องกันทุกประการ ดังนั้น ข้อบังคับที่ 41 จะทำอะไรให้เกิดความขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญสองมาตรานี้ไม่ได้ เพราะมันจะเหมือนกับการแก้รัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ จาตุรนต์ยังย้ำด้วยว่า รัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ชัดเจน โดยไม่ได้บอกว่า แคนดิเดตคนไหนได้โหวตกี่ครั้ง พร้อมตั้งคำถามว่า หากเสนอชื่อคนเดิมไม่ได้ แล้วเสนอชื่อคนที่ 2 และ 3แต่ก็ยังไม่ได้อีก แล้วจะให้ทำอย่างไรกัน ไม่ได้นายกฯ ในสมัยการประชุมนี้ หรือไปหาคนนอก ซึ่งเท่ากับการส่งเสริมให้มีนายกฯ คนนอกได้ง่ายกว่า เพราะการเป็นนายกฯ คนนอก ไม่ต้องมีข้อห้ามเหมือนกับแคนดิเดต
จะเป็นปัญหากว่านี้อีกในอนาคต เมื่อเลือกนายกฯ ตาม ม.159 โดยสภา ถ้าใช้หลักการแบบนี้ เราจะเจอสถานการณ์ที่สภาผู้แทนเลือกนายกฯ ไม่ได้แม้แต่คนเดียวในสมัยประชุมหนึ่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่รัฐธรรมนูญฉบับไหนจะมีเจตนารมณ์อย่างนั้น รัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ย่อมต้องการให้มีรัฐบาล
“ผมขอสรุปว่า เราไม่อาจตีความในทางที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ไม่อาจตีความในทางที่จะเอาเสียงส่วนใหญ่ของรัฐสภาที่อาจประกอบด้วยผู้ที่ไม่มาจากการเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ มาหักล้างเจตนารมของประชาชนที่แสดงออกในการเลือกตั้ง มาหักล้างเจตจำนงของประชาชนทั่วประเทศที่ประกาศชัดเจนแล้วในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา”