“ต้องกราบเรียนว่าขอบคุณคุณไผ่ ลิกค์ และ สส.ทั้ง 40 กว่าคนที่จะเลือกพรรคเพื่อไทย ได้ยินเขาบอกว่าไม่มีเงื่อนไขอะไร เห็นว่าประเทศต้องเดินหน้า และต้องสนับสนุนให้มีรัฐบาลโดยเร็ว เพราะงั้นก็ชัดเจนในเสียงทั้งหมดว่าไม่ได้มีเงื่อนไข”
หลังจากที่เมื่อวาน สส.พรรคพลังประชารัฐออกมาบอกว่าจะยกมือโหวตให้เพื่อไทย โดยไม่พูดเรื่องจัดตั้งรัฐบาล วันนี้ (11 สิงหาคม) ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ขอบคุณ สส.พรรคพลังประชารัฐที่จะเลือกให้เพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีเงื่อนไขใด
“เราได้บอกไปแล้วว่า ถ้าอยากจะเลือกเราก็แสดงตัว เห็นด้วยกับอุดมการณ์ ความคิด วิกฤตที่จะต้องแก้ไข ให้เลือกเรา ถ้าไม่เลือกเราก็แสดงว่าไม่เห็นด้วยให้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มันก็รู้อยู่ในตัวแล้ว ก็บอกไปแล้ว”
ภูมิธรรมย้ำอีกว่า ใครจะร่วมรัฐบาลกับเพื่อไทยบ้างนั้น อยู่ที่ว่าจะทำยังไงให้ได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถผลักดันนโยบายทุกอย่างได้เป็นจริง โดยกล่าวถึงปัญหาด้านวิกฤตรัฐธรรมนูญ เศรษฐกิจ และการสลายความขัดแย้ง ซึ่งหลายวิกฤตนั้นต้องแก้ไขโดยมีนโยบายของพรรคเพื่อไทยเป็นแกนหลัก
“เราต้องการความสมานฉันท์ ความชัดเจนในการที่จะร่วมกันแก้ไขวิกฤต ถ้าได้ทั้งหมดยิ่งดี อันนี้ก็ขึ้นกับเอกสิทธิ์ของแต่ละท่าน แล้วการทำแบบนี้ไม่มีงูเห่า เพราะเราไม่ได้เอากล้วยไปซื้อใคร”
ส่วนเรื่องการขอให้ก้าวไกลยกมือให้นั้น สื่อมวลชนก็ตั้งคำถามกับภูมิธรรมอีกครั้ง ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่า หากดูจากความเป็นจริงแล้ว ทุกพรรคการเมืองไม่ปรารถนาจะร่วมกับพรรคก้าวไกล ถ้าเพื่อไทยยังอยู่ในวังวนนั้น ก็ไม่สามารถจะก้าวไปได้
“ถ้าทุกวันนี้เรายังจับกับก้าวไกล ก็ 312 เสียงบวกอีก 10 กว่าเสียง พรรคเพื่อไทยพูดจุดยืนชัดเจนว่าวันนี้เราต้องเข้าไปเป็นรัฐบาล เพื่อที่จะทำให้เจตนารมณ์ของเรา วิกฤตชาติ สำเร็จ และนโยบายที่เราพูดกับพี่น้องประชาชนที่จะแก้ปัญหาได้ทำ”
“ที่ผมพูดไปว่า ยินดีที่จะไปขอโทษ ขอขมาให้ อันนี้ก็ยืนยันว่าพูดจริง แต่ผมไม่ได้มีเจตนาว่าจะต้องไปขอขมาเพราะไม่ได้รู้สึกว่าผิดอะไร สิ่งที่ผมพูดก็คือ ผมจะไปขอโทษขอขมา มันเป็นคำพูดสร้อยซึ่งผมรับผิดชอบ แต่ว่านัยยะจริงๆ ของผมก็คือ ก็ถ้าไปแล้วมีอะไรขุ่นข้องหมองใจผมยินดีจะขอโทษ ถ้าหากว่าเราต้องไปที่พรรคเขา แล้วก็ไปเชื้อเชิญกันอย่างเป็นจริง ผมก็ยินดีไป พรรคเพื่อไทยก็ยินดีไป”
“เพราะเราปรารถนาที่สุดว่า การจัดตั้งรัฐบาล ถ้าหากว่าสามารถทำได้ในพรรคและสภาผู้แทนราษฎร มันสามารถแก้วิกฤตได้ และนั่นเป็นหนึ่งทางเลือก แต่การคุยกันเราได้พูดชัดเจนว่า ถ้าเป็นไปได้อย่างนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่ไปอย่างนี้ มันมีทางเลือกอีกหลายๆ ทาง ซึ่งเป็นทางเลือกที่พรรคเพื่อไทยต้องจ่ายต้นทุนมาก”
รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ณ วันนี้พรรคเพื่อไทยตัดสินใจทำทุกอย่างโดยรับผิดชอบและรู้ว่าต้องจ่ายต้นทุนสูง ถ้าได้ผลอย่างที่หวัง ก็คุ้มค่า ส่วนการตัดสินใจของพรรคจะผิดหรือถูกก็อยู่ในดุลยพินิจของประชาชน ถ้าผลจะเป็นอย่างไร เพื่อไทยก็น้อมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น