หลังจากที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ ออกมา ‘แฉเพื่อชาติ’ กล่าวหาว่าบริษัทแสนสิริ ที่เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทยเคยบริหาร ทำนิติกรรมอำพราง ใช้วิธีนอกระบบกฎหมาย เพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ และยังบิดเบือนนโยบาย Digital Wallet ทำให้ประชาชนเข้าใจว่านโยบายนี้จะเป็นการฟอกเงินผ่านคอยน์
วันนี้ (18 สิงหาคม) เศรษฐา ก็ออกมาโพสต์ว่า บริษัทแสนสิริบริหารอย่างสุจริตโปร่งใส เป็นไปตามข้อบังคับของบริษัทและตลาดหลักทรัพย์
“ผมออกมาวันนี้เพื่อให้ข้อเท็จจริง และตอบคำถามของสังคมในกรณีการจัดซื้อที่ดินของแสนสิริและเรื่องนอมินี ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหาร ผมยืนยันว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การซื้อขายที่ดินเพื่อประกอบการบริษัท เราดำเนินการด้วยความถูกต้องตามกฎหมายในทุกขั้นตอน ไม่เคยมีวิธีการนอกระบบกฎหมาย เพื่อเบียดบังผลประโยชน์ของรัฐ หรือแสวงหาประโยชน์เป็นการส่วนตัว และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาในทุกกรณีที่คุณชูวิทย์นำมากล่าวอ้าง ซึ่งเต็มไปด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ บิดเบือนให้เกิดความเสียหาย”
เศรษฐายังกล่าวต่ออีกว่า ชูวิทย์ติดต่อผู้ใหญ่มากมายให้มาบอกเขาว่า จะแฉและทำทุกอย่างเพื่อให้เขาไม่เหมาะสมจะเป็นนายกฯ แต่ถ้าจะให้ไม่แฉ ก็ให้เศรษฐายอมตกลงซื้อที่ดินราคา 2,000 ล้านทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นชูวิทย์จะเดินหน้าดิสเครดิตและด้อยค่าเขาต่อไป
อีกทั้ง เศรษฐายังระบุอีกว่า ชูวิทย์ยังบิดเบือนไปเรื่องนโยบาย Digital Wallet ของพรรคเพื่อไทย ทำให้ประชาชนเข้าใจว่านโยบายนี้จะเป็นการฟอกเงินผ่านทางคอยน์ เขาจึงขอให้ชูวิทย์อย่าได้เอาเรื่องนโยบาย Digital Wallet นี้มาโจมตีอย่างไม่มีหลักการ
เศรษฐายังระบุอีกว่า โครงการ Digital Wallet นี้เป็นโครงการที่ดี มีผลประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก สามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่า 50 ล้านคน และเป็นนโยบายสำคัญที่สุดอันหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทันที ทำให้ประเทศนั้นสามารถพลิกฟื้นกลับมาอีกครั้ง และงบประมาณทั้งหมดจะถูกส่งตรงไปยังประชาชนทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
“การที่ผมพูดความจริงในครั้งนี้ ผมรู้ว่าคุณชูวิทย์ต้องไม่พอใจและอาจจะไปฟ้องศาล ผมก็พร้อมที่จะนำพยานหลักฐานไปสู้คดีกับคุณชูวิทย์ในศาลต่อไป”
เศรษฐายังยืนยันว่า สามารถตรวจสอบชีวิตของเขาได้ทุกอย่าง ทั้งยังมีหลายคนไปเตือนว่าอย่าลงมาเล่นการเมือง
“แต่ผม เศรษฐา ทวีสิน วันนี้ผมตัดสินใจเอง ผมเข้ามาตรงนี้เพราะอยากทำให้ประเทศชาติ และเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เพิ่มรายได้ให้ประเทศ ให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จากวันแรกที่ผมตัดสินใจจะทำ จนถึงวันนี้ ผมมั่นใจที่จะทำเพื่อประเทศชาติเหมือนเดิม”
“ผมย้ำอีกครั้ง…. ศัตรูของผม….คือความยากจน และความไม่เสมอภาคของประชาชน เป้าหมายของผม คือ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไทยทุกคน” เศรษฐากล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิงจาก