วันนี้ (23 สิงหาคม) ในพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าแต่งตั้งให้ เศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย เขาได้กล่าวน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และจะขอมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และความสถาพรของประเทศชาติ
เศรษฐา กล่าวว่า “ในวาระที่ผมได้เข้ามาดำรงตำแหน่งในวันนี้ ผมขอขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภาที่ทำหน้าที่ที่ผ่านมา ขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทย ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานทุกภาคส่วน ขอขอบคุณพรรคร่วมรัฐบาลที่สนับสนุน ตลอดจนภาคประชาสังคม เอกชน สำหรับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้ผมในการบริหารราชการแผ่นดิน”
“พี่น้องประชาชนคนไทยที่เคารพ ผมขอยืนยันว่าผมจะทุ่มเททำงาน ตามมาตรฐานจริยธรรม และความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ผมมั่นใจว่า 4 ปี ต่อจากกนี้ จะเป็น 4 ปีแห่งความเปลี่ยนแปลง ประเทศไทยวันนี้อยู่ท่ามกลางจุดเปลี่ยนสำคัญ เรามีวิกฤตและปัญหาที่ต้องการทางออกอย่างเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ รายได้ รายจ่าย ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ความมั่นคง สังคใ การต่างประเทศ สิ่งแวดล้อม กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม” เศรษฐากล่าว
ทั้งยังระบุอีกว่า เขาประสงค์จะดำเนินนโยบายต่างๆ ที่ได้เตรียมไว้เพื่อแก้ไข เรื่องการทุจริต การประพฤติมิชอบ และอื่นๆ อีกมากมายที่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียม และความยากลำบาก ต้องการจะสร้างการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงในระดับมหภาค ไปจนถึงในภาคของครัวเรือน ขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า บริหารงบประมาณภาครัฐอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ เป็นไปตาม พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลังของรัฐ สร้างความร่วมมือเชิงบวกแก่ภาคเอกชน ภาคต่างประเทศ ทำให้ภาคประชาชน และภาคราชการเติบโตไปพร้อมๆ กัน
รวมไปถึงยังตั้งใจที่จะประสานคนไทยทุกภาคส่วน สร้างสังคมที่เคารพอัตลักษณ์ เคารพความแตกต่างทางความคิด และเคารพกติกาในกรอบระเบียบในกฎหมาย สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริง ตรงไปตรงมา
“ผมขอให้คำมั่นว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย จะทำงานอย่างหนัก เพื่อบำบัดความทุกข์ สร้างความสุข นำพาความเจริญให้กับประชาชนคนไทย และคนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งความหวังของคนรุ่นใหม่ เป็นดินแดนแห่งความสุขของคนทุกวัย เป็นประเทศที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีในเวทีนานาชาติอีกครั้ง” เศรษฐาระบุ
โดยเศรษฐายังทิ้งท้ายอีกว่า จะขอทำหน้าที่นายกฯ ที่ไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย รัฐบาลที่จะทุ่มเททำงานหนัก รับฟังเสียงประชาชน นำความสามัคคีคืนสู่คนในชาติ
อ้างอิงจาก