ชาวโมร็อกโกผู้รอดชีวิตยังใช้เวลาคืนที่สองบนท้องถนน ขณะที่หน่วยกู้ภัยกำลังแข่งกับเวลาเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ยังติดอยู่ในซากปรักหักพังที่พังทลายลง หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดรุนแรงในช่วงค่ำคืน
เมื่อวานนี้ (9 กันยายน) เวลา 05.11 น. ตามเวลาประเทศไทย เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.8 โดยมีศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของเทือกเขาไฮแอตลาส ของโมร็อกโก ทำให้หมู่บ้านที่อยู่อย่างกระจัดกระจายใกล้บริเวณนี้ต่างได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะมาร์ราเกช เมืองแห่งประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของโมร็อกโก
อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ทางการโมร็อกโกระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2,012 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 1,404 ราย แต่คาดว่าจะมียอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เนื่องจากขณะนี้หน่วยกู้ภัยกำลังเร่งมือขุดค้นซากปรักหักพังของบ้านเรือนที่พังถล่มทลายลงมา
ทว่ายิ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอยู่ห่างไกลออกไปมากเท่าไรก็จะมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากขึ้น เนื่องจากหน่วยกู้ภัยต้องใช้เวลาในการเดินทาง และยังต้องพบกับซากปรักหักพังและก้อนหินจำนวนมากที่ขวางกั้นเส้นทางถนน จนประชาชนผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่จึงเลือกใช้พื้นที่สาธารณะะที่อยู่ในใจกลางเมืองเพื่อพักอาศัยเพราะยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น “บ้านของฉันหายไป” ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งกล่าว
“ฉันเกือบจะคว้าตัวเด็กๆ ออกมาไม่ทันจากบ้านที่กำลังพังทลายลงมา” ฟาติมา (Fatima) หญิงวัย 50 ปีกล่าว
ทั้งนี้ ตอนนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังแข่งกับเวลาภายใน 72 ชั่วโมงแรก ซึ่งถือเป็น ‘เวลาทอง’ ที่จะพบผู้รอดชีวิตมากที่สุด เพราะถ้าหลังจากนั้นผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บจะมีอาการแย่ลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา โมร็อกโกเคยประสบหายนะที่คล้ายคลึงกันที่เมืองท่าอัลฮอเซมา ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปราว 630 ราย แต่แผ่นดินไหวที่เลวร้ายที่สุดของโมร็อกโกเกิดขึ้นในปี 1960 ที่เมืองอากาดีร์ทางตะวันตก ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 12,000 คน
“ดังนั้น เหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 6 ทศวรรษของโมร็อกโก”
อ้างอิงจาก