วันนี้ (6 ตุลาคม) กลุ่มทะลุวังจัดกิจกรรม ใส่ชุดนักโทษ เดินจากสนามหลวงพร้อมด้วยประชาชนจากกลุ่ม ‘OCTDEM’ ผ่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มาถึงศาลฎีกา เพื่อเรียกสิทธิประกันตัว หลังศาลยังคงมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องขังในคดีทางการเมือง
เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณหน้าศาลฎีกา ก็ติดรูปและข้อความที่แสดงถึงผู้ต้องขังทางการเมืองที่ยังอยู่ในเรือนจำที่บริเวณข้างหน้าศาล แต่ไม่ปรากฏว่ามีการยื่นหนังสือให้กับเจ้าหน้าที่หรือศาลแต่อย่างใด
ต่อมา หยก— ธนลภย์ เยาวชนที่เคยถูกกล่าวหาด้วยคดีมาตรา 112 ก็แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ มีเชือกดึงตัวขึ้นไปที่ใต้ต้นมะขามซึ่งอยู่หน้าศาล พร้อมกับมีเชือกห้อยอยู่บริเวณคอ จากนั้นก็เทสีแดงที่ตัว และมีการแสดงที่มีคนใช้เก้าอี้ฟาด
สำหรับจุดประสงค์ของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ บุ้ง—เนติพร เสน่ห์สังคม จากกลุ่มทะลุวัง ก็ระบุว่า เพื่อต้องการให้ยุติการดำเนินคดีทางการเมือง และยุติการดำเนินคดี 112 กับประชาชน
“มีคนกำลังทยอยเข้า เพียงเพราะเขาเห็นต่าง คิดไม่เหมือนกับฝ่ายรัฐบาล คิดไม่เหมือนกับผู้มีอำนาจในประเทศ” เนติพรกล่าว
หลังจากจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เรียบร้อยแล้ว ธนลภย์ก็ให้สัมภาษณ์ว่า “อยากให้ติดตามการพิพากษาตัดสินคดี 112 ในเดือนนี้…ตอนนี้อาจไม่มีการสังหารเหมือน 6 ตุลา แต่ว่า ตอนนี้มีผู้ถูกคุมขังอยู่…”
“ศาลควรจะยุติการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทางการเมืองทุกคน ศาลควรจะยุติการดำเนินคดี 112 ศาลควรจะเป็นกลางและเป็นธรรม…” ธนลภย์กล่าวต่อ
ก่อนทั้งหมดจะตะโกนบอกว่า ปล่อยเพื่อนเรา ปล่อยผู้บริสุทธิ์ คืนสิทธิการประกันตัว ยกเลิก 112 ก่อนจะแกะภาพและข้อความที่ติดไว้บริเวณหน้าศาลออก
อย่างไรก็ดี จากข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนที่รวบรวมไว้ ตั้งแต่เริ่มการชุมนุมของ ‘เยาวชนปลดแอก’ เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2563 จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2566 พบว่า มีประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุมและการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ไปแล้วอย่างน้อย 1,928 คน
ในจำนวนดังกล่าวนี้ เป็นเด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 286 คน และมีผู้ถูกกล่าวหาด้วยข้อหามาตรา 112 อย่างน้อย 258 คน
อ้างอิงจาก