“เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่การล่มสลายทางภูมิอากาศ (climate collapse) และผลกระทบของมันจะล้างผลาญทุกอย่าง” อันโตนิโอ กูแตร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) กล่าวผ่านวิดีโอ บนเวที COP28 ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวานนี้ (30 พฤศจิกายน)
“ภาวะโลกร้อนที่ทำลายสถิติ ควรจะทำให้ผู้นำโลกรู้สึกขนลุก และกระตุ้นให้พวกเขาลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่าง”
การประชุม COP28 เริ่มต้นขึ้นที่ดูไบอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ด้วยฉากทัศน์ที่ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก หลังองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ภายใต้สหประชาชาติ (UN) ออกมายืนยันอีกครั้งว่า ปี 2023 “ค่อนข้างแน่นอนแล้ว” ว่าจะเป็นปีที่ร้อนที่สุด เท่าที่เคยมีการบันทึกมาในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
รายงานของ WMO ระบุว่า อุณหภูมิโลก ตลอด 10 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ สูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม (pre-industrial average) ราว 1.4 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นข้อมูลเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ร้อนที่สุด
รายงานของ WMO ระบุอีกว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน ยังคงมีระดับเพิ่มขึ้นอีกในปี 2023 หลังจากที่มีระดับสูงจนทำลายสถิติมาแล้วเมื่อปีที่ผ่านมาก็ตาม สิ่งนี้ยังเป็นเหตุทำให้อุณหภูมิประจำเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนที่ผ่านมา ในภาคพื้นดิน สูงเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
ขณะเดียวกัน อุณหภูมิร้อนสูงจนทำลายสถิติ บางส่วนของปีนี้ ยังเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño)
สำหรับการประชุม COP28 ย่อมาจาก Conference of the Parties of the UNFCCC ครั้งที่ 28 หมายถึงการประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยในปีนี้ มีนครดูไบเป็นเจ้าภาพ และมีกำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน จนถึง 12 ธันวาคม
อย่างไรก็ดี การที่มีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ เป็นเจ้าภาพ ก็ทำให้สื่อต่างประเทศหลายแห่งชวนตั้งคำถามว่า การประชุม COP28 จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้จริงหรือ?
สำหรับประเทศไทย เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้แทนการประชุม ซึ่งก็คงต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่า ไทยจะนำเสนออะไรในการประชุม COP28 ครั้งนี้
แต่ที่ผ่านมา ไทยได้ประกาศบนหลายๆ เวทีว่า ไทยตั้งเป้าจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ให้ได้ภายในปี 2050 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ให้ได้ภายในปี 2065
อ่านรายงานสภาพภูมิอากาศโลกประจำปี 2023 ของ WMO ได้ที่: wmo.int
อ้างอิงจาก