เมื่อวานนี้ (3 มีนาคม) ครอบครัวของผู้โดยสารเครื่องบินดังกล่าวรวมตัวกันอีกครั้งที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเรียกร้อง ‘คำตอบ’ ที่พวกเขาเฝ้ารอมานานกว่า 10 ปี ซึ่งทางรัฐบาลมาเลเซียก็จะเริ่มต้นค้นหาอีกครั้งในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ดี เราขอพาทุกคนกลับไปวันที่ 8 มีนาคม 2014 หรือวันที่ MH370 หายไป โดยเครื่องบินนี้มีลูกเรือ 12 คน และผู้โดยสารทั้งสิ้น 227 คน โดยเส้นทางการเดินทางคือ กัวลาลัมเปอร์-เซี่ยงไฮ้ ทว่าเครื่องบินกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งจากจอเรดาร์ และเครื่องบินทั้งลำ
ทั้งนี้ การออกค้นหาอย่างต่อเนื่องและเป็นวงกว้าง กลับไม่ช่วยให้พบกับเบาะแสสำคัญที่จะช่วยระบุได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ MH370 กันแน่ แม้ว่าจะมีการค้นพบซากปีกที่คาดว่ามาจากเครื่องบินลำดังกล่าวที่เรอูเนีย เกาะของฝรั่งเศส ที่ตั้งอยู่บริเวณมหาสมุทรอินเดีย และที่เกาะมาดากัสการ์ แอฟริกาใต้
จนเหตุการณ์ในครั้งนี้กลายเป็นปริศนาระดับโลกที่ยังไม่ได้รับการคลี่คลายจวบจนปัจจุบัน และเกิดทฤษฎีสมทบคิดมากมาย เช่น นักบินเปลี่ยนทิศทางการบินไปที่มหาสมุทรอินเดียด้วยสาเหตุบางอย่าง หรือเครื่องบินถูกจี้ ซึ่งทุกคนก็ได้เพียงรอความจริงต่อไปเท่านั้น
โดยการค้นหาครั้งสุดท้ายยุติลงเมื่อเดือนมกราคม ปี 2017 ที่เกิดจากความร่วมมือทั้งจากมาเลเซีย จีน และออสเตรเลีย ซึ่งทั้ง 3 ประเทศออกค้นหาต่อเนื่องถึง 3 ปี แต่กลับไม่พบเบาะแสสำคัญของ MH370 เลย
“ทุกๆ ปี ของวันที่ 8 เราจะรวมตัวกันเพื่อระลึกถึงผู้สูญหาย ซึ่งทุกครั้งความทรงจำในวันนั้นก็กลับมา ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง” จาควิต้า กอนซาเลส (Jacquita Gonzales) ภรรยาของพนักงานบนเครื่องบินระบุ
พร้อมกล่าวต่อว่า “ทางเดียวที่จะไขปริศนานี้ได้ก็คือ การออกค้นหาเครื่องบิน”
นอกจากนี้ ครอบครัวและเพื่อนๆ ของผู้สูญหายยังผลักดันแคมเปญหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเครื่องบิน โดยใช้ MH370 เป็นต้นแบบ ซึ่งพวกเขาชี้ว่า เครื่องบินนี้ไม่ถือเป็นประวัติศาสตร์ แต่เป็นอนาคตของการตระหนักรู้ด้านปลอดภัยในการเดินทางด้วยเครื่องบิน
อ้างอิงจาก