สองสามวันที่ผ่านมา ได้ไปเล่นสงกรานต์กันไหม?
หนึ่งในประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงในช่วงที่ผ่านมา คือเหตุการณ์ที่มีคนทั้งหญิง ชาย และเพศหลากหลาย ถูกล่วงละเมิดทางเพศระหว่างเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งผลสำรวจก่อนเริ่มช่วงสงกรานต์พบว่า นี่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนไทยไม่อยากออกมาเล่นน้ำสงกรานต์อีกด้วย
สวนดุสิตโพล เผยว่า จากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในช่วงปลายเดือนมีนาคม เกี่ยวกับเทศกาลสงกรานต์ 2567 จากกลุ่มตัวอย่าง 4,011 คน พบว่า ปีนี้ตัดสินใจจะไม่ออกไปเล่นน้ำสงกรานต์เพราะกังวลเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศถึง 34.13% ซึ่งบางส่วนเคยถูกลวนลามในปีก่อนๆ
ในขณะที่ผลสำรวจของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ช่วงปลายเดือนมีนาคม 2566 พบว่า จากกลุ่มตัวอย่าง 1,725 คน มีคนกว่า 87.9% ถูกแซว ผิวปาก หรือใช้สายตาจ้องมองทำให้อึดอัด 85.7% และเคยถูกฉวยโอกาสลวนลามถึง 84.9%
เบล (นามสมมติ) อาชีพนักข่าว วัย 25 ปี เล่าให้ The MATTER ฟัง ว่าปีนี้เธอตัดสินใจไม่ไปเล่นสงกรานต์ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะประสบการณ์โดนลวนลามในปีที่แล้ว “ตอนโดนก็ตกใจ ไม่คิดว่าจะกล้าทำเพราะตอนนั้นอยู่ในงานเฟสติวัลที่คนเยอะมาก พอย้ายไปเล่นอีกที่ก็โดนอีก เขาใช้จังหวะที่คนเดินเบียดกันมาจับหน้าอกเรา ซึ่งเราเห็นว่าเขาเลี่ยงได้ แต่ก็ยังตั้งใจเดินมาชน” เบลเล่า พร้อมเสริมว่าหลังจากนั้นก็ตัดสินใจว่าจะไม่ไปเล่นสงกรานต์ที่นั่นแล้ว พร้อมบอกว่า “กลัวไปเจอบรรยากาศเดิมๆ แล้วมันรู้สึกแย่”
จ๋า (นามสมมติ) นักศึกษาหญิง วัย 23 ปีที่ออกไปเล่นสงกรานต์ในปีนี้ บอกกับเราว่า การล่วงละเมิดทางเพศระหว่างเล่นน้ำสงกรานต์แทบจะกลายเป็นเรื่องที่สังคมมองว่าปกติไปแล้ว ทำให้ตนรู้สึกไม่ปลอดภัย “ทั้งๆ ที่เป็นเทศกาลที่ได้ออกมาเจอเพื่อนๆ เจอผู้คน จากที่ตั้งใจมาสนุก แต่ต้องมาเจอคนที่มาฉวยโอกาส กลายเป็นต้องระแวงแทน” จ๋าบอก
ซึ่งจ๋าเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนทุกเพศ “เรื่องเพศมันไม่ได้เป็นตัวชี้วัดเลยว่าเราต้องยอมรับการถูกละเมิดในเนื้อตัวร่างกาย มีผู้ชายหลายคนมากที่รู้สึกไม่ดีกับการเจอเรื่องแบบนี้ แต่มันพูดออกมาไม่ได้ เพราะสังคมไม่เห็นว่าเป็นปัญหา” จ๋ากล่าว เช่นเดียวกันกับเบล ที่เห็นว่าไม่ว่าจะเพศไหนโดน ก็จะกลายเป็นแผลใจได้เหมือนกัน
การลวนลามหรือล่วงละเมิดทางเพศนั้น เข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในมาตรา 397 ซึ่งระบุถึงการล่วงละเมิดทางเพศ และยังมีกำหนดความผิดเฉพาะการกระทำในที่สาธารณะ โดยผู้ที่โดนกระทำสามารถเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายได้ภายใน 1 ปีนับจากที่เกิดเหตุ
จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เคยแสดงความเห็นว่า “ผมคิดว่าควรเลิกวาทกรรมห้ามแต่งตัวโป๊เสียที … เสมือนโยนความผิดใส่ผู้ถูกกระทำ แล้วปล่อยคนผิดลอยนวล” โดยเสนอว่าควรมีการออกกฎห้ามการคุกคามทางเพศทุกรูปแบบ ทุกเพศสภาพ มีการเฝ้าระวังและลงโทษผู้ที่กระทำการละเมิด และต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียหายในการใช้สิทธิทางกฎหมายของตัวเอง
อ้างอิงจาก