วันนี้ (4 กรกฎาคม 2567) ศาลอาญาพิพากษาให้ ‘บังเอิญ – ศุทธซีร์ สร้อยคำ’ ศิลปิน Art Punk วัย 26 ปี ต้องโทษจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา จากกรณีพ่นสีกำแพง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร เป็นการขีดฆ่าเลข 112 พร้อมสัญลักษณ์ตัว A ที่สื่อถึงอนาธิปไตย (Anarchy)
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 17.50 น. ‘บังเอิญ’ ได้ใช้สีสเปรย์พ่นกำแพงพระบรมมหาราชวัง และไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าจับกุมทันทีและได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่แล้วพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันทำให้โบราณสถานเสียหาย ตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2535 ตามมาตรา 32 และ พ.ร.บ.ความสะอาดฯ มาตรา 12
ใน พ.ร.บ. โบราณสถานฯ มาตรา 4 ระบุความหมายของ ‘โบราณสถาน’ ไว้ว่า “อสังหาริมทรัพย์ซึ่งโดยอายุหรือโดยลักษณ์แห่งการก่อสร้างหรือโดยหลักฐานเกี่ยวกับประวัติของอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นประโยชน์ทางศิลปประวัติศาสตร์ หรือโบราณคดี
จาก พ.ร.บ. ดังกล่าว พิมพ์นารา กิจโชติประเสริฐ พยานโจทก์ปากที่ 5 จากกรมศิลปากร ระบุว่าพระบรมมหาราชวังก็เป็นโบราณสถาน ที่ครอบคลุมอาคารทั้งหมดรวมถึงกำแพงวังด้วย แต่ทนายฝั่งจำเลยแสดงหลักฐานว่าในประกาศรายชื่อโบราณสถานนั้น ไม่ปรากฏชื่อ ‘พระบรมมหาราชวัง’ และยังไม่มีป้ายปักเตือนในบริเวณโดยรอบ
ไม่เพียงเท่านั้น พิมพ์นารายังระบุว่า การกระทำนี้ทำให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อน แต่ไม่มีส่วนไหนของกำแพงเสียหาย พร้อมขยายความว่า แต่เป็นการเกิดความเสียหายเพราะกระทบต่อจิตใจของประชาชน
ศาลจึงตัดสินว่าเป็นการกระทำผิดต่อโบราณสถานที่ยังไม่ขึ้นทะเบียน และทำให้โบราณสถานอันเป็นที่เคารพของประชาชนสกปรกจนกระทบต่อจิตใจประชาชนทั่วไป จึงพิพากษาโทษสูงสุด ให้จำคุก 1 ปี แต่ลดโทษให้เหลือจำคุก 8 เดือนเนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลประกันตัวในชั้นอุทธรณ์
อย่างไรก็ดี ยังมีประเด็นที่ศาลยังไม่ได้วินิจฉัย จากที่ทนายยกเนื้อหาใน พ.ร.บ.โบราณสถานฯ ขึ้นมาเช่นกันว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าพ่นสีทับข้อความทันที ซึ่งถือว่าขัดต่อกฎหมายที่ระบุว่าไม่ให้ทำการซ่อมแซม แก้ไข เปลี่ยนแปลงโบราณสถาน อันจะเป็นประเด็นที่ทนายจะยื่นอุทธรณ์ต่อไป
อ้างอิงจาก