“อยากลาออกจากราชการ” เป็นเสียงสะท้อนที่ไม่ได้เกิดเพียงในประเทศไทยเท่านั้น เพราะในเกาหลีใต้กำลังเผชิญปัญหานี้เช่นกัน
จากผลสำรวจโดยกระทรวงมหาดไทยและความปลอดภัย พบว่าา ข้าราชการเกาหลีใต้ 7 ใน 10 คนที่มีประสบการณ์ทำงานน้อยกว่า 5 ปี ล้วนเคยพิจารณาเรื่องการลาออก
จากผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 48,248 คน มีเจ้าหน้าที่ของรัฐและท้องถิ่น 32,905 คน คิดเป็นร้อยละ 68.2 ระบุว่า เคยพิจารณาลาออกจากตำแหน่งราชการ
เหตุผลหลักที่ระบุในแบบสอบถาม คือ ‘ได้รับค่าตอบแทนทางการเงินต่ำ’ และยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ร้อยละ 18.9 เผชิญการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม และร้อยละ 13.9 เห็นว่ามีภาระงานที่มากเกินไป
เมื่อพิจารณาถึง ‘วัฒนธรรมการทำงาน’ พบว่าร้อยละ 45.6 ระบุว่าไม่พอใจ และมีเพียงร้อยละ 14.4 เท่านั้นที่ระบุว่ารู้สึกพึงพอใจ
ในด้าน ‘ความสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน’ ร้อยละ 37.2 ระบุว่าไม่พอใจ ภายใต้เหตุผลที่ร้อยละ 38.7 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า มาจากการมักระดมข้าราชการไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงาน ในฐานะการประชุมฉุกเฉิน
นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 39.5 ระบุว่าไม่พอใจกับวัฒนธรรมองค์กรของข้าราชการ และมีเพียงร้อยละ 18.8 ที่ระบุว่าพึงพอใจอย่างมาก โดยร้อยละ 30.4 ระบุว่าสาเหตุหลักมาจากบรรยากาศที่ให้ความสำคัญกับรูปแบบราชการมากกว่าการที่ผู้คนจะช่วยปกป้องกันและกัน และอีกร้อยละ 28.6 ระบุว่ามาจากบรรยากาศที่บังคับให้บุคคลต้องเสียสละเพื่อองค์กร
สถานการณ์ปัจจุบัน จึงสวนทางกับค่านิยมในเกาหลีใต้ก่อนหน้านี้ ที่คนหนุ่มสาวจะชอบเข้าทำงานในตำแหน่งราชการเพราะมองว่าตนเองมีความมั่นคง
โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 1 ใน 3 คน ระบุว่า การปรับปรุงระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในการปรับปรุงหน่วยงานราชการ รองลงมา ร้อยละ 19.2 ระบุว่าควรปรับปรุงการดำเนินการของหัวหน้าแผนกในการปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กร และคนร้อยละ 16.5 ระบุว่าควรปรับปรุงความสมัครใจในการทำงานของสมาชิก
จากผลการสำรวจนี้ ทำให้กระทรวงมีแผนที่จะจัดทำแผนปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กรของข้าราชการในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน และจะสำเร็จได้หรือไม่
แล้วในประเทศไทย ‘ข้าราชการ’ มีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกันหรือเปล่า?
ในเดือนมีนาคม 2567 นิด้าโพลได้เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ‘ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ เบื่ออะไร’ จากกลุ่มตัวอย่าง 1,310 คน พบว่า ร้อยละ 39.47 เบื่อขั้นตอนทางราชการที่ยุ่งยากซับซ้อน รองลงมาร้อยละ 31.53 เบื่อระบบอุปถัมภ์ นอกจากนั้นเป็นเรื่องเงินเดือนน้อย การมีตัวชี้วัดมาก มีโครงการคำสั่งตามลำดับชั้น งานไม่เป็นระบบ การคอร์รัปชัน และอื่นๆ อีกหลายปัจจัย
โดยร้อยละ 49.47 ระบุว่า ค่อนข้างศรัทธาในระบบราชการไทย รองลงมา ร้อยละ 22.52 ระบุว่าศรัทธามาก ร้อยละ 21.53 ระบุว่า ไม่ค่อยศรัทธา และร้อยละ 6.34 ระบุว่า ไม่ศรัทธาเลยเลย ส่วนที่เหลือตอบว่าไม่สนใจ
แต่ในท้ายที่สุดแล้วนั้น คนส่วนใหญ่ที่ร้อยละ 63.04 ระบุว่าไม่อยากลาออก และร้อยละ 14.89 ที่อยากลาออก ส่วนที่เหลือระบุถึงตัวเลือกอื่นๆ เช่น อาจย้ายหน่วยงานก้ได้
ปัญหาระบบราชการ จึงเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์หลายต่อหลายครั้ง จึงเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจเมื่อปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ที่ไทย และน่าจับตาต่อไปว่าต้นตอปัญหาที่แท้จริงเกิดจากอะไร และเมื่อบางปัญหามีส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างสังคม จะเป็นสิ่งที่สามารถแก้ไขได้หรือไม่ เพื่อให้เหล่าข้าราชการมีแรงใจในการทำงานและไม่อยากลาออกไปเสียก่อน
อ้างอิงจาก