ทำงานจนหมดไฟ ใจก็หมดแรง
เคยไหมที่รู้สึกเหนื่อยกับการทำงาน ไหนจะภาระงานที่เพิ่มขึ้น แต่เงินเดือนไม่เพิ่มขึ้นตามเลยสักนิด ไหนจะเพื่อนร่วมงานเป็นพิษอีก ทำงานแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็ดูไม่มีโอกาสได้เติบโตเท่าไหร่ ถ้าจะรู้สึกหมดไฟขนาดนี้ ลาเดียวที่เหลือก็คงเป็นลาออกแล้วล่ะ
แม้จะรู้สึกว่าการลาออกเป็นทางออกเดียวที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ เพราะลาออกหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไหนจะตำแหน่งหน้าที่ รายได้ ภาระ หรือความสัมพันธ์ บางครั้งอาจหมายถึงการกลับไปเริ่มต้นใหม่ โดยไม่ที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะออกหัวหรือก้อย ชีวิตอาจจะแย่ลงกว่านี้ หลายคนจึงอาจเลือกทนกับสภาพแวดล้อมเดิมต่อไป แม้ในใจจะรู้สึกไม่ไหวแล้วก็ตาม
แม้แต่ละวันในที่ทำงานจะยากเย็นขนาดไหน แต่ทำไมหลายคนถึงไม่กล้าตัดสินใจลาออก วันนี้เราเลยชวนไปดูสารพัดความกลัวที่คนทำงานต้องเจอเมื่อตัดสินใจเปลี่ยนที่ทำงาน แล้วเราสามารถรับมือกับความกังวลเหล่านั้นยังไงได้บ้าง
สารพัดความกลัวของคนจะลาออก
ทุกวันนี้การลาออกจะถูกมองว่าเป็นเรื่องปกติ หากเจอที่ไม่เหมาะกับตัวเองก็สามารถโบกมือลา แล้วร่อนเรซูเม่สมัครงานใหม่ได้ทุกเมื่อ จากรายงานจาก Microsoft ระบุว่า 41% ของคนทำงานทั่วโลกกำลังคิดจะลาออก ส่วนที่ในสหรัฐฯ ปี 2021 มีผู้ลาออกเป็นจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และแนวโน้มนี้กำลังเกิดขึ้นในอีกหลายประเทศ เช่น อังกฤษ ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ นักวิเคราะห์เรียกกระแสนี้ว่า ‘The Great Resignation’ หรือการลาออกครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม แม้การลาออกจะกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ยังมีอีกหลายเหตุผลที่รั้งไม่ให้เราสามารถลาออกได้ทันที ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าถึงทำต่อไปก็สถานการณ์ก็อาจไม่ดีขึ้น ปัญหาการสั่งงานเกินหน้าที่ก็ยังคงมีต่อไป หรือการเลื่อนตำแหน่งใหม่อาจไม่เกิดขึ้นในเร็ววัน โดยสาเหตุที่คนทำงานหลายคนต้องกังวลเมื่อคิดจะย้ายที่ทำงานใหม่ อาจแบ่งได้เป็น
กลัวการเปลี่ยนแปลง
เป็นเรื่องปกที่หลายคนจะกังวลกับการเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ โดยเฉพาะกับงานที่ทำมานาน จนรู้สึกสบายใจ แม้ว่าจะเจอปัญหา ก็เป็นปัญหาที่เรารู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไร นั่นเลยเป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำหลายคนไม่กล้าลาออก
มาร์โล ไลออนส์ (Marlo Lyons) โค้ชด้านอาชีพสำหรับผู้บริหารและพนักงาน ซึ่งคลุกคลีอยู่ในแวดวงการทำงาน ก็สังเกตเห็นว่ามีหลายเหตุผลที่ทำให้พนักงานหลายคนยังคงทำงานที่เดิมอยู่ เช่น ยึดติดกับอดีต หรือรู้สึกผูกพันกับที่ทำงานเดิมจนไม่กล้าย้ายออก แต่นอกเหนือจากเหตุผลเหล่านี้แล้วยังมาจากความกลัวการเปลี่ยนแปลงด้วย
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะ การเปลี่ยนงานใหม่อาจหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ ที่เราจะต้องเจอกับเนื้องานใหม่ เพื่อนร่วมงาน และเจ้านายใหม่ แถมยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง เงินเดือนก็อาจจะไม่ดีเท่าเดิม หรือไม่แน่ใจว่าความสามารถจะเพียงพอต่องานใหม่หรือเปล่า จนอดคิดไม่ได้ว่าหรือการอยู่ที่เดิมจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่ากันนะ เพราะอย่างน้อยมันก็คงไม่แย่ไปกว่าเดิมเท่าไหร่หรอกน่า
กลัวสูญเสียรายได้
สิ่งที่ตามมาแน่ๆ หลังการลาออกปุ๊บปั๊บแบบเห็นผลทันที นั่นคือรายได้ต่อเดือนที่หายวับไปกับตา เงินทองที่จับต้องได้จริงๆ นี่แหละทำให้หลายคนยังคงทนทำงานที่เดิมต่อ แม้ต้องเอาสุขภาพจิตเข้าแลก เพราะการไม่มีเงินจ่ายบิลทุกสิ้นเดือนมันน่ากลัวกว่าเป็นไหนๆ
นอกจากนี้บางคน โดยเฉพาะคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง หรือบริษัทชั้นนำ มักถูกเหนี่ยวรั้งให้ทำงานที่เดิมต่อด้วยเหตุผลว่าค่าตอบแทนและสวัสดิการสูงจนรู้สึกเสียดาย กลัวว่าถ้าลาออกแล้วอาจไม่สามารถหางานที่เสนอเงินเดือนสูงเท่านี้ได้อีกแล้ว จนกลายเป็นเหมือนโซ่ทองที่คล้องเราไว้กับขาเก้าอี้ที่ทำให้เราไม่กล้ายื่นเรซูเม่ไปที่ใหม่ได้
กลัวสายตาคนนอก
แม้คนเราจะมีหลายเหตุผลในการตัดสินใจลาออก แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ยังไงในสายตาคนนอก คนที่ลาออกก็มักถูกมองว่าไม่อดทนมากพอเสมอ
เมลิสซา โดแมน (Melissa Doman) นักจิตวิทยาองค์กร อธิบายว่าการที่คนลาออกถูกตีตราจากคนในสังคม มักมาจากแนวคิดเก่าๆ ที่ว่าเมื่อทำอาชีพใดไปแล้ว ก็ต้องทำงานนั้นไปตลอดชีวิต ซึ่งความเชื่อนี้ยัง สอดคล้องแนวคิดว่าการจะประสบความสำเร็จได้ต้องทำงานหนัก ต้องอดทนต่อความความทุกข์ยาก เพื่อให้ผลลัพธ์ความพยายามนั้นผลิดอกออกผลในที่สุด แนวคิดเหล่านี้จึงทำให้คนที่ตัดสินใจลาออก ถูกมองว่าเป็นคนไม่อดทน เหลาะแหละ และไม่เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้
การตีตราเหล่านี้ไม่ใช่แค่ความเชื่อเท่านั้นนะ แต่ยังมีหลักฐานจากงานวิจัยปี 2018 ที่แสดงให้เห็นว่าการตีตรานี้เกิดขึ้นจริงในที่ทำงาน โดยพบว่า HR และคนทั่วไปมองว่าคนที่ลาออกมักไม่เก่ง ไม่น่าคบหา และมีโอกาสถูกจ้างน้อยลง ซึ่งการตีตราจะลดลงได้หากแสดงให้เห็นว่าเหตุผลที่พวกเขาตกงานมาจากปัจจัยภายนอก เช่น โดนเลย์ออฟ แทนที่จะบอกว่าสมัครใจลาออกเอง
การตีตราและสายตาจากคนภายนอกก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การตัดสินใจลาออกเป็นเรื่องยาก เพราะต่อให้มีเหตุผลดีๆ ในการลาออก แต่ก็ยากที่จะห้ามความคิดคนอื่นที่มองเข้ามาได้ ทั้งที่จริงมีเหตุผลอีกตั้งมากมายที่คนเราจะเปลี่ยนอาชีพ และไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเดียวไปตลอด
วิธีรับมือกับความกลัวก่อนลาออก
ความกลัวก่อนตัดสินใจย้ายงานเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนที่เพิ่งย้ายงานครั้งแรก หรือเคยผ่านประสบการณ์มาแล้วหลายครั้ง เพราะการลาออกถือเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ ที่ส่งผลกับชีวิตเราเกือบทุกด้าน ดังนั้นก่อนจะยื่นซองขาวในเร็ววันนี้ เรามาลองดูกันหน่อยมีอะไรที่เราต้องเตรียมตัวกันก่อนบ้าง โดยผู้เชี่ยวด้านอาชีพและนักจิตวิทยาองค์กรก็ได้ให้คำแนะนำไว้ดังนี้
จัดการความกลัว
ไม่แปลกถ้าจะกลัวการเริ่มต้นใหม่ โดยเฉพาะเมื่อเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ความตึงเครียด ยิ่งทำให้เรารู้สึกตัวเล็กลง จนไม่เชื่อว่าตัวเองจะจัดการปัญหาใหญ่ๆ ได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพแนะนำว่าให้ลองหลับตาและจินตนาการ โดยตัดความกลัวออกไป แล้วลองถามตัวเอง เช่น เราอยากทำอะไร หรือที่ทำงานใหม่ที่อยากทำเป็นแบบไหน อาจช่วยให้เราเข้าใจความต้องการของตัวเองชัดขึ้น
นอกจากนี้การหาข้อมูลเพิ่มเติม หรือลองปรึกษาคนในสายงานที่เราต้องการไปทำงาน จะช่วยให้เราลดอาการประหม่าจากความไม่รู้ลงได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้เห็นว่าเราควรเพิ่มทักษะอะไรเพื่อให้มั่นใจขึ้นได้บ้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองได้แม่นยำขึ้น โดยไม่กลัวไปก่อนจะลงทำมือจริงๆ
วางแผนการเงินให้พร้อม
แม้เราจะรู้สึกไม่มั่นใจลึกๆ ว่าตัวเองจะสามารถผลงานให้ก้าวหน้าเหมือนที่เก่าได้หรือเปล่า แต่ความจริงคือ การเปลี่ยนงานไม่ได้ให้ทักษะที่เราเคยมีหายไป ทั้ง hard skills และ soft skills ที่เราเคยเรียนรู้ยังคงอยู่ และเราสามารถสร้างมันใหม่อีกครั้งเมื่อไหร่ก็ได้
ดังนั้นเมื่อชั่งน้ำหนัก และตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้วว่ายังไงการลาออกก็เป็นสิ่งที่ตัวเองต้องการ อย่าลืมวางแผนการเงินล่วงหน้า อย่างการเก็บเงินสำรองฉุกเฉินไว้ ทั้งค่าเช่า ค่าอาหาร รวมถึงค่าเดินทาง เพื่อให้เรายังคงใช้ชีวิตได้ระหว่างช่วงหางานหรือค้นหาสิ่งที่ตัวอย่างอย่างทำจริงๆ ไม่แน่ว่าเราอาจเส้นทางการทำงานใหม่ๆ ที่เหมาะกับตัวเองก็ได้นะ
ทบทวนเหตุผลของตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่สำคัญก่อนลาออก คือยึดมั่นในเหตุผลการลาออกของตัวเอง พร้อมท่องไว้ให้ขึ้นใจ โดยไม่ต้องยึดติดภาพจำของคนลาออกที่ถูกมองในแง่ลบ เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนไม่อดทน และต่อให้ผลออกมาไม่เป็นอย่างที่หวัง แต่นี่ไม่ใช่การตัดสินใจจะอยู่กับสิ่งที่เลือกครั้งนี้ไปตลอดชีวิต แค่เป็นการเลือกงานต่อไปเท่านั้น หากมองในมุมกว้าง การตัดสินใจออกจากที่เดิมก็ถือเป็นคุณสมบัติหนึ่งที่เหมาะกับการทำงานยุคใหม่ ที่ต้องการคนที่สามารถปรับตัวและยืดหยุ่นต่อการทำงานได้ดี หากเราตัดสินใจอย่างรอบคอบ และเรียนรู้สิ่งที่ตัวเองต้องการจริงๆ การลาออกก็อาจไม่ใช่เรื่องไม่ดีอย่างที่คิด
บางทีการตัดสินใจลาออกอาจไม่ใช่การหนีปัญหาเสมอไป ถ้าจัดการความกลัวและลดความเสี่ยงของตัวเองได้ การลาออกก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดีก็ได้นะ
อ้างอิงจาก