จะเป็นอย่างไร ถ้าภูเขาน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่กว่ากรุงเทพฯ ถึง 2 เท่า ลอยตามกระแสน้ำในมหาสมุทร? ที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์เผยว่า ภูเขาน้ำแข็ง ‘A23a’ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังเคลื่อนตัวอีกครั้งในรอบหลายเดือน นำไปสู่ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม
ไม่นานมานี้ (13 ธันวาคม 2024) หน่วยงานสำรวจแอนตาร์กติกของอังกฤษ (British Antarctic Survey หรือ BAS) รายงานว่าภูเขาน้ำแข็งขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง A23a ได้แยกตัวออกจากตำแหน่งเดิม ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของหมู่เกาะเซาท์ออร์กนีย์ (South Orkney Islands) และขณะนี้กำลังลอยอยู่ในมหาสมุทรใต้
จากการสำรวจในเดือนสิงหาคม A23a มีพื้นที่ถึง 3,672 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่านครนิวยอร์กถึง 3 เท่า หรือใหญ่กว่ากรุงเทพมหานครถึง 2 เท่า และอาจหนักราวหนึ่งล้านล้านตัน โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ติดตาม A23a อย่างใกล้ชิด นับตั้งแต่ที่ภูเขาน้ำแข็งยักษ์นี้แยกตัว จากชั้นน้ำแข็งฟิลชเนอร์ (Filchner) ในแอนตาร์กติก เมื่อปี 1986
หลังจากที่แยกตัวออกมา ภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ติดอยู่กับพื้นทะเลเวดเดลล์ (Weddell) ในแอนตาร์กติก และหยุดนิ่งเป็นเวลากว่า 30 ปี ก่อนจะเคลื่อนตัวอีกครั้งในปี 2020 จนถูกกระแสน้ำพัดพาไปติดอยู่ในแนวเสาเทย์เลอร์ (Taylor column) –ปรากฏการณ์กระแสน้ำวน ที่กักวัตถุต่างๆ ไว้กับที่ เนื่องจากกระแสน้ำในมหาสมุทรพัดเข้าสู่ภูเขาใต้น้ำ ทำให้ A23a หมุนอยู่ในจุดเดียว
หน่วยงาน BAS คาดการณ์ว่าต่อจากนี้ A23a จะเคลื่อนตัวต่อไปในมหาสมุทรใต้ ตามกระแสน้ำรอบแอนตาร์กติกา ซึ่งน่าจะพัดพาภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ ไปทางเกาะเซาท์จอร์เจีย (South Georgia) ที่อยู่ทางใต้ของแอนตาร์กติกา โดย A23a จะเผชิญกับน้ำที่อุ่นกว่า และอาจจะแตกตัวเป็นภูเขาน้ำแข็งขนาดเล็กลง จนละลายในที่สุด
“เรารู้ว่าภูเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์เหล่านี้ สามารถให้สารอาหารแก่แหล่งน้ำที่มันเคลื่อนตัวผ่านได้ ทำให้เกิดระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ ในพื้นที่ที่ขาดแคลนกว่า” ลอร่า เทย์เลอร์ (Laura Taylor) นักชีวธรณีเคมีกล่าวถึงการศึกษา A23a อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตามเธอระบุว่า ยังคงไม่ชัดเจนว่าผลกระทบของการเคลื่อนตัวนี้ “ส่งผลกระทบต่อคาร์บอนในมหาสมุทรอย่างไร และสร้างสมดุลในชั้นบรรยากาศอย่างไร” โดยนักวิทยาศาสตร์ได้เก็บตัวอย่างน้ำผิวจากมหาสมุทร เพื่อศึกษาผลกระทบจากปรากฏการณ์ดังกล่าวต่อไป
แม้ว่าภูเขาน้ำแข็งลูกนี้จะแยกตัวออก ตามวัฏจักรธรรมชาติ และไม่ส่งผลต่อให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น แต่นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า เราไม่ควรมองข้ามปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในแอนตาร์กติกา เพราะอาจส่งผลร้ายแรงต่อระดับน้ำทะเลทั่วโลก
อ้างอิงจาก