เจ้าเหมียวกลายเป็นนักเดินทางแบบไม่ได้ตั้งใจ! หลังถูกทิ้งไว้ในห้องเก็บสัมภาระบนเครื่องบิน ทำให้ต้องบินไป-กลับ ระหว่างนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย 3 เที่ยว ในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง
แมวสายพันธุ์เมนคูน (Maine Coon) ชื่อว่ามิทเทนส์ อายุ 8 ปี ได้เดินทางบนเครื่องบินเที่ยวเดียวพร้อมครอบครัว จากเมืองไครสต์เชิร์ช (Christchurch) ประเทศนิวซีแลนด์ ไปยังบ้านใหม่ในเมลเบิร์น (Melbourne) ประเทศออสเตรเลีย
เมื่อเดินทางถึงจุดหมาย มาร์โก นีอัส (Margo Neas) ผู้เป็นเจ้าของก็รอรับมิทเทนส์ ที่พื้นที่ขนถ่ายสิ่งของบนเครื่องบิน แต่เมื่อเวลาผ่านไป 3 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววของเจ้าเหมียวเลย
จากนั้นเธอก็ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สายการบิน ว่าเครื่องบินได้เดินทางกลับนิวซีแลนด์ พร้อมกับสัตว์เลี้ยงของเธอแล้ว
“ฉันถามว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไง มันเกิดขึ้นได้ยังไง โอ้พระเจ้า” ผู้เป็นเจ้าของแมวเล่า พร้อมบอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น “ทั้งทุกข์ใจและยอมรับไม่ได้” ซึ่งเธอต้องจ่ายเงิน 1,948 ดอลลาร์หรือราว 6 หมื่นบาท เพื่อให้แมวของเธอบินไปออสเตรเลีย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่บอกเธอว่า กรงของมิทเทนส์ถูกรถเข็นบังเอาไว้ ทำให้คนขนสัมภาระมองไม่เห็นและทำพลาดไป โดยระหว่างเที่ยวบินนั้น นักบินได้รับแจ้งเรื่องเจ้ามิทเทนส์ เจ้าหน้าที่จึงเปิดเครื่องทำความร้อนในห้องเก็บสัมภาระ เพื่อให้มันรู้สึกสบายตัว
การเดินทางครั้งนี้ของมิทเทนส์ ใช้เวลาทั้งหมด 7 ชั่วโมงครึ่ง และโชคดีมากที่เจ้าเหมียวไม่ได้รับอันตรายใดๆ เมื่อถึงที่หมาย เพียงแต่น้ำหนักตัวลดลงเล็กน้อย จากนั้นมันก็ถูกส่งไปที่เมลเบิร์นอีกครั้ง เพื่อกลับไปหาเจ้าของ
“มันวิ่งเข้ามาในอ้อมแขนของฉัน กอดแน่นๆ และกอดกันแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้” นีอัสกล่าวว่า เธอโล่งใจมากหลังจากได้พบกับมิทเทนส์อีกครั้ง
ทั้งนี้ผู้เป็นเจ้าของแมวกล่าวว่า “เหตุการณ์นี้น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และทำให้เกิดคำถามที่สำคัญเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยของสัตว์” พร้อมทั้งเสริมว่าความปลอดภัยและสวัสดิภาพของสัตว์ “ต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง”
ด้านสายการบินแอร์นิวซีแลนด์ (Air New Zealand) ได้ขอโทษกับความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น พร้อมชดใช้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเดินทางของมิทเทนส์ ทั้งนี้ทางสายการบินได้สืบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ
“เราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ดูแลภาคพื้นดินของเราในเมลเบิร์นเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก” อลิชา อาร์มสตรอง (Alisha Armstrong) โฆษกแอร์นิวซีแลนด์กล่าว
อ้างอิงจาก