ไม่กี่วันที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งรายงานสถานการณ์การชุมนุมในเนปาล โดยประชาชนหลายพันคนเรียกร้องให้คืนสถาบันกษัตริย์กลับมา ท่ามกลางความไม่พอใจระบอบสาธารณรัฐ เพราะหลายคนมองว่าไร้เสถียรภาพ ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ และเป็นต้นตอของปัญหาคอร์รัปชัน
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2025 ผู้สนับสนุนอดีตกษัตริย์ชญาเนนทระ ได้รวมตัวกันปิดกั้นทางเข้าหลักของสนามบินนานาชาติตรีภูวัน ในกรุงกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ขณะที่พระองค์เสด็จกลับมาจากการเยือนเนปาลตะวันตก
“ทรงพระเจริญพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของเรา เราต้องการสถาบันกษัตริย์” เสียงร้องจากฝูงชนกึกก้อง เพื่อต้อนรับอดีตกษัตริย์ชญาเนนทระ พร้อมเรียกร้องให้ฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์และศาสนาฮินดู ขณะที่ตำรวจปราบจลาจลหลายร้อยนายปิดกั้นผู้ประท้วง ไม่ให้เข้าไปในสนามบิน ทั้งนี้ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นในเหตุการณ์ดังกล่าว
เหตุการณ์วันนั้นทำให้หลายคนสนใจ และตั้งคำถามว่าทำไมชาวเนปาลจึงต้องการให้สถาบันกษัตริย์ ที่เสียอำนาจไปมากกว่า 10 ปีก่อน กลับคืนมา?
จุดเริ่มต้นการปกครองของอดีตกษัตริย์ชญาเนนทระ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2001 อดีตกษัตริย์ชญาเนนทระ ทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก หลังจากที่พระเชษฐาสวรรคตในเหตุการณ์สังหารหมู่ ที่คร่าชีวิตสมาชิกราชวงศ์ไปเกือบทั้งหมด
ต่อมา พระองค์ทรงครองราชย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ตามรัฐธรรมนูญโดยไม่มีอำนาจบริหารหรืออำนาจทางการเมือง จนกระทั่งปี 2005 พระองค์ทรงยึดอำนาจรัฐบาลโดยสมบูรณ์ โดยตรัสว่าเพื่อปราบกบฏลัทธิเหมา ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์
สำนักข่าวอัล จาซีรา รายงานว่าในปีนั้น พระองค์ทรงยุบรัฐบาลและรัฐสภา และทรงจำคุกนักการเมืองและนักข่าว พร้อมกับตัดการติดต่อสื่อสาร โดยทรงประกาศภาวะฉุกเฉิน และใช้กองทัพทหารปกครองประเทศ
จุดสิ้นสุดระบอบกษัตริย์ที่ดำเนินมากว่า 240 ปี
การเคลื่อนไหวของพระองค์ ก่อให้เกิดการประท้วงบนท้องถนนครั้งใหญ่ ในปี 2006 เพื่อเรียกร้องให้กษัตริย์ชญาเนนทระในขณะนั้น สละบัลลังก์ พร้อมเปลี่ยนการปกครองของประเทศให้เป็นระบอบสาธารณรัฐ จนในที่สุดรัฐบาลก็ได้ลงนามข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มลัทธิเหมา เพื่อยุติสงครามกลางเมืองยาวนานกว่าทศวรรษ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตหลายพันคน
2 ปีต่อมา ในปี 2008 รัฐสภาเนปาลได้ลงมติให้ยกเลิกระบอบกษัตริย์ ทำให้กษัตริย์ชญาเนนทระเสด็จออกจากพระราชวัง เพื่อไปใช้ชีวิตแบบสามัญชน นับเป็นจุดสิ้นสุดของระบอบกษัตริย์ฮินดู ที่มีอายุกว่า 240 ปีของเนปาล และส่งผลให้ประเทศกลายเป็นสาธารณรัฐฆราวาส
การกลับมาของระบอบกษัตริย์เนปาล?
กลุ่มที่เรียกร้องให้ฟื้นคืนระบอบกษัตริย์ในเนปาล ให้เหตุผลว่านับตั้งแต่เนปาลเปลี่ยนมาปกครองภายใต้ระบอบสาธารณรัฐ สถานการณ์บ้านเมืองหลังจากนั้น ก็เหมือนจะไม่ได้สงบเรียบร้อยเท่าไหร่นัก พวกเขาอ้างว่า คนในประเทศจำนวนมากเริ่มไม่พอใจกับการปกครองที่ยังไม่สามารถมีเสถียรภาพได้เสียที พร้อมตำหนิว่าเป็นต้นเหตุของเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และการทุจริตคอร์รัปชันที่แพร่หลาย
นอกจากนี้ความเคารพต่อสถาบันกษัตริย์ฮินดูก็เหมือนจะไม่เคยหายไป เพราะหลังจากที่เปลี่ยนแปลงการปกครอง มีการประท้วงเป็นระยะๆ เพื่อเรียกร้องให้อดีตกษัตริย์กลับประเทศ ยกตัวอย่างเมื่อปี 2023 ก็มีรายงานว่า ตำรวจกรุงกาฐมาณฑุได้ฉีดแก๊สน้ำตาใส่ฝูงชนที่ออกมาเรียกร้อง ให้ประเทศกลับคืนสู่ระบอบกษัตริย์
“ผมเคยเข้าร่วมการประท้วงที่เพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ โดยหวังว่าจะช่วยประเทศได้ แต่ผมคิดผิด เพราะประเทศชาติกำลังตกต่ำลงอีก ผมจึงเปลี่ยนใจ” กุลราช เศรษฐา (Kulraj Shrestha) หนึ่งในผู้ร่วมชุมนุมกล่าวกับสื่อว่า ตัวเองเคยเข้าร่วมการประท้วงครั้งใหญ่ เพื่อต่อต้านกษัตริย์เมื่อปี 2006 แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจหันมาสนับสนุนสถาบันกษัตริย์ในปัจจุบัน
“สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับประเทศ คือการทุจริตคอร์รัปชันครั้งใหญ่ และนักการเมืองที่อยู่ในอำนาจทุกคน ไม่ได้ทำอะไรเพื่อประเทศเลย” เขากล่าว
ผู้ร่วมชุมนุมรายอื่นๆ ยังบอกกับสื่อว่า พวกเขาหวังอย่างยิ่งว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการเมือง เพื่อหยุดยั้งไม่ให้ประเทศเสื่อมถอยต่อไป ต่อจากนี้สถานการณ์ในเนปาลจะเป็นอย่างไร และระบอบกษัตริย์จะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
อ้างอิงจาก