สถานการณ์ที่ประเทศเนปาลกำลังถูกจับตาจากผู้คนทั่วโลก ล่าสุดนี้ ทางการเนปาลเผยว่า มีนักโทษอย่างน้อย 13,500 คน หลบหนีจากเรือนจำทั่วประเทศ ท่ามกลางการประท้วงที่ยังคงรุนแรง
ทางการเนปาลยังยืนยันว่า มีนักโทษอย่างน้อย 13,500 คน หลบหนีจากเรือนจำในทั้ง 77 เขตของเนปาล ระหว่างการประท้วงต่อต้านรัฐบาลอย่างรุนแรง โดย The Indian Express รายงานว่า ผู้ต้องขังหลายคนฉวยโอกาสจากการประท้วง และพยายามหลบหนีออกจากเรือนจำ ส่งผลให้เกิดการปะทะกันในเรือนจำหลายแห่ง ตั้งแต่วันอังคาร (9 กันยายน)
หนังสือพิมพ์ The Rising Nepal ระบุว่ามีผู้ต้องขังเยาวชน 5 รายเสียชีวิต ในขณะที่อีก 4 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังตำรวจเปิดฉากยิงปะทะ ขณะที่ผู้ต้องขังพยายามแย่งอาวุธของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ณ เรือนจำเนาบาสตา (Naubasta)
ด้านเจ้าหน้าที่เรือนจำเปิดเผยว่า ผู้ต้องขังจำนวน 149 ราย จากทั้งหมด 585 ราย และผู้ต้องขังจากสถานพินิจ 76 ราย จากทั้งหมด 176 ราย ได้หลบหนีออกจากเรือนจำในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ยอดรวมของผู้ต้องขังหลบหนีจากเรือนจำจากทั้งประเทศอาจสูงกว่านั้นมาก ซึ่งหลายคนกำลังจับตามองว่า ต่อจากนี้เนปาลจะกลับคืนสู่ความเป็นปกติได้อย่างไร โดยขณะนี้ประเทศยังคงอยู่ในภาวะสุญญากาศทางอำนาจ และการเจรจาระหว่างทางการและผู้ประท้วงคงไม่ชัดเจน
สำนักข่าว The Times of India รายงานว่าเมื่อบ่ายวันพุธ (10 กันยายน 2025) กองทัพเนปาลสามารถยึดคืนกรุงกาฐมาณฑุได้แล้ว โดยควบคุมสถานการณ์การประท้วงให้สงบลงและอยู่ภายใต้เคอร์ฟิวที่เข้มงวด ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ประกาศว่า สามารถยึดอาวุธได้ 31 ชิ้น เช่น เครื่องยิงแก๊สน้ำตา ปืนไรเฟิลจู่โจม ปืนอาก้า และปืนลูกซอง ซึ่งหลายกระบอกบรรจุกระสุนจริง
“เราขอเรียกร้องให้ผู้ถืออาวุธออกมาเจรจา เราจำเป็นต้องทำให้สถานการณ์ที่ยากลำบากนี้กลับมาเป็นปกติ” พลเอกอโศก ราช ซิกเดล (Ashok Raj Sigdel) เสนาธิการทหารบกประกาศ โดยทางการย้ำว่า การครอบครองอาวุธจะนำไปสู่การดำเนินคดี แต่สัญญาว่าจะผ่อนปรนโทษ หากผู้ประท้วงส่งคืนอาวุธโดยสมัครใจ
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในเนปาลยังคงไม่แน่นอน หลังสถานที่สำคัญหลายแห่งถูกทำลายไปอย่างสาหัส ไม่ว่าจะเป็น อาคารรัฐสภา ศาลฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุด และศาลแห่งอื่นๆ อีกราว 17 แห่งทั่วประเทศ
อ้างอิงจาก