F1 หนึ่งในกีฬาความเร็วที่มาแรงที่สุดในเวลานี้ กับการแข่งขันอันแสนดุเดือด ที่ต้องอาศัยทั้งฝีมือ แผนกลยุทธ์ การร่วมมือกัน กว่าคว้าชัยชนะมาครองได้
และก่อนที่ฤดูกาลการแข่งขันในปี 2025 จะเริ่มต้นขึ้น The MATTER ขอชวนใครที่อยากเริ่มดูกีฬานี้ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงดี มาทำความเข้าใจคร่าวๆ ก่อนไปเริ่มเรซแรกด้วยกันในศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ที่ ออสเตรเลีย!
F1 หรือ ฟอร์มูล่า 1 (Formula 1) คือ การแข่งขันรถสูตร 1 จัดเป็นกีฬามอเตอร์สปอร์ตรูปแบบทีมชนิดหนึ่ง โดยคำว่า ‘สูตร’ หมายถึง ชุดของกฎระเบียบที่ถูกกำหนดขึ้นโดย สหพันธ์รถยนต์ระหว่างประเทศ (Fédération Internationale de l’Automobile หรือ FIA) ซึ่งผู้เข้าร่วมแข่งขันทุกคนต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ตลอดเวลาที่เป็นสมาชิกของ F1
รูปแบบการแข่งขันกีฬาความเร็วอย่าง F1 ได้รับอิทธิพลมาจากการแข่งชิงแชมป์ยุโรป ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1930 ทว่าการแข่งขันรถดังกล่าวต้องหยุดชะงักลง ด้วยสาเหตุจากสงครามโลกครั้งที่ 2
ต่อมาการแข่งขันได้กลับมาอีกครั้งในปี 1946 และมีการนำคำว่า สูตร 1 มาใช้กำหนดมาตราฐานและกฎเกณฑ์ต่างๆ เป็นครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองตูริน ประเทศอิตาลี แต่ในการแข่งขันครั้งนี้ยังถูกจัดเป็นการแข่งขันแบบไม่ชิงแชมป์ ทั้งนี้ การแข่งขันซึ่งถือเป็นการชิงแชมป์ครั้งแรกของโลกเกิดขึ้นอีก 4 ปีให้หลัง หรือในปี 1950 ที่เมืองซิลเวอร์สโตน ของประเทศอังกฤษ
ในฤดูกาลแข่งขันกีฬา F1 จะจัดแข่งกันในรูปแบบที่เรียกว่า ‘กรังปรีซ์’ (Grand Prix) แบ่งย่อยออกเป็นการแข่งขันในหลายๆ สนาม ซึ่งจะถูกจัดขึ้นตามหลากหลายสถานที่ทั่วโลก ทั้งหมด 24 รายการ โดยในปัจจุบันมีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 10 ทีม และแต่ละทีมจะมีนักแข่งหลัก 2 คนต่อทีม (แต่ในปี 2026 จะมีทีมเข้าร่วมแข่งขัน 11 ทีม 22 นักแข่ง)
ทั้งนี้ การแข่งขันในแต่ละรายการจะถูกจัดขึ้นทั้งหมด 3 วัน ตั้งแต่วันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ โดยในวันศุกร์ผู้เข้าแข่งขันจะทำการฝึกซ้อมทั้งหมด 2 รอบ ครั้งละ 1 ชั่วโมง ได้แก่ Free Practice 1 (FP1) และ Free Practice 2 (FP2) ส่วนวันเสาร์จะเป็นการฝึกซ้อม Free Practice 3 (FP3) และในครึ่งบ่ายของวันเสาร์ จะเริ่มทำการแข่งขันรอบคัดเลือก โดยแบ่งออกเป็น 3 รอบ คือ Qualifying 1 (Q1), Qualifying 2 (Q2) และ Qualifying 3 (Q3)
นักแข่ง 5 คนที่ช้าที่สุด จะถูกคัดออกหลัง Q1 และคัดออกอีก 5 คน ในช่วง Q2 ส่วนนักขับที่เหลืออีก 10 คนสุดท้าย จะเข้าสู่รอบ Q3 โดยนักขับที่เร็วที่สุดในรอบนี้ จะได้รับตำแหน่งสตาร์ทแรก หรือ pole position ซึ่งเป็นตำแหน่งสตาร์ทหัวแถวของนักแข่งในวันแข่งจริงในวันอาทิตย์
ส่วนวิธีการดูนั้นก็ไม่ยาก รถใครนำเข้าเส้นชัย ในวินาทีที่ธงตราหมากรุกโบกสะบัด ก็เป็นอันว่าชนะในเรซนั้นๆ
คะแนนจากการแข่งขันในแต่ละสนาม จะถูกจัดเรียงทั้งหมด 10 อันดับ โดยแต่ละอันดับ ก็จะได้คะแนนต่างกัน ดังนี้ 25, 18, 15, 12, 10, 8, 6, 4, 2, และ 1 แต่จะมีเพียงแค่ที่ 1-3 เท่านั้น ที่จะได้ขึ้นโพเดียม ไปเปิดแชมเปญฉลองแชมป์ในเรซนั้นๆ เมื่อแข่งขันครบทุกสนามแล้ว นักแข่งที่มีคะแนนสะสมมากเป็นอันดับ 1 ก็จะคว้าชัยเป็นในฐานะแชมป์โลกไป
ส่วนแชมป์ผู้ผลิต คะแนนจะมาจากนักแข่ง 2 คนในทีมนำมารวมกัน ทีมผู้ผลิตไหนสามารถผลิตรถและวางกลยุทธ์ให้กับเหล่านักขับผ่านเข้าเส้นชัยเป็นอันดับต้นๆ ได้ ตลอดการซีซั่นก็จะคว้าชัยในฐานะแชมป์ผู้ผลิตไป
โดยฤดูกาลแข่งขัน F1 ประจำปี 2025 นี้ จะเริ่มต้นด้วยการแข่งขันรายการแรกด้วย Australian Grand Prix ณ Albert Park ในเมลเบิร์นในวันที่ 16 มีนาคม ก่อนจะมุ่งหน้าไปต่อที่เซียงไฮ้ในสัปดาห์ถัดไปกับรายการ Chinese Grand Prix ในวันที่ 23 มีนาคม
สำหรับใครที่สนใจกติกาและข้อมูลเชิงลึก รวมถึงข้อมูลผู้เข้าแข่งขันทั้ง 10 ทีมในฤดูกาลนี้ สามารถติดตามต่อได้ที่ https://www.formula1.com
แล้วมาปักทีมเชียร์ เลือกนักแข่งในใจที่อยากให้ขึ้นโพเดียมไปด้วยกันนะ!
อ้างอิงจาก