ตอนนี้ทั่วโลกกำลังจับตามองประธานาธิบดีคนที่ 21 ของเกาหลีใต้ หลังจากที่ อี แจ-มยอง จากพรรคประชาธิปไตย (DP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 4 มิถุนายน 2025 ด้วยคะแนนเสียง 49.42% จากผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดเกือบ 35 ล้านเสียง
ความน่าสนใจของการเลือกตั้งครั้งนี้คือ เป็นปีที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งประธานาธิบดี ‘สูงสุด’ นับตั้งแต่ปี 1997 ตามข้อมูลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง
“ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อทำหน้าที่และภารกิจอันยิ่งใหญ่ ที่ผมได้รับมอบหมาย เพื่อไม่ให้ประชาชนผิดหวัง” ลีกล่าวขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจ หลังทราบผลการเลือกตั้ง
ต่อจากนี้ ประธานาธิบดีคนใหม่จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายประการ หลังจาก ยุน ซอก-ยอล อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง กรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อ 6 เดือนก่อน ทำให้หลายคนมีคำถามว่า อี แจ-มยอง ผู้ต้องรับมือกับการเมืองทั้งในและนอกประเทศที่ผันแปร คือใคร เคยผ่านอะไรมาบ้าง และมีวิสัยทัศน์อย่างไร?
วัยเด็กของประธานาธิบดีคนที่ 21
อี แจ-มยอง อายุ 61 ปี เป็นลูกคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 7 คน เขาเคยผ่านวัยเด็กที่อดอยากและยากลำบาก โดยหลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษา อีต้องทำงานในโรงงานต่างๆ ในเมืองซองนัม (Seongnam) ที่อยู่ใกล้กับโซล เพราะครอบครัวของเขาไม่มีเงินพอจ่ายค่าเล่าเรียนมัธยมศึกษา โดยเมื่ออายุ 15 ปี ขณะที่ทำงานโรงงานผลิตถุงมือเบสบอล เขาเกิดอุบัติเหตุกับเครื่องจักร ที่ทำให้เขาไม่สามารถเหยียดแขนซ้ายได้
ด้วยความสิ้นหวัง อีเคยพยายามจบชีวิตตัวเองถึงสองครั้งแต่ไม่สำเร็จทั้งคู่ ต่อมาเขาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ด้วยการอ่านหนังสือสอบนอกเวลาทำงาน จนสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย และเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชุงอัง (Chung-Ang University) ในกรุงโซลด้วยทุนการศึกษาเต็มจำนวน ก่อนจะกลายมาเป็นทนายความด้านสิทธิมนุษยชน
“ความหวังและความยากลำบากมักจะมาพร้อมกัน บทบาทของความยากลำบากไม่ใช่การทำให้ผู้คนยอมแพ้ แต่เป็นการทดสอบว่าความหวังของพวกเขาจริงจังและสิ้นหวังแค่ไหน” อีกล่าวในบันทึกความทรงจำที่ตีพิมพ์ในปี 2017
เส้นทางการเมือง
ต่อมาอีได้เข้าสู่วงการเมือง โดยในปี 2006 เขาพยายามชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองซองนัม แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ต่อมาในปี 2010 เขาก็เข้าสู่เส้นทางการเมือง โดยชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองซองนัม และดำรงตำแหน่งในอีกสี่ปีต่อมา
จากนั้นเขาก็ทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2021 อีดำรงตำแหน่งผู้ว่าการเมืองคยองกี (Gyeonggi) ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศและอยู่รอบกรุงโซล ทั้งนี้เขายังเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีถึง 2 ครั้ง โดยในปี 2022 อีแพ้การเลือกตั้งให้กับยุน ซอก-ยอล
และต่อมาในปี 2024 อีถูกชายคนหนึ่งใช้มีดแทงที่คอ ระหว่างการเยือนเมืองปูซาน แต่ก็รอดชีวิตจากการลอบสังหารมาได้ โดยผู้ก่อเหตุให้การกับเจ้าหน้าที่สืบสวนในภายหลังว่า เขาต้องการฆ่าอี เพื่อป้องกันไม่ให้เขากลายเป็นประธานาธิบดี อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนมองว่า อีได้รับคะแนนความเห็นใจจากประชาชนจำนวนมาก
คดีความ
อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ คดีความของประธานาธิบดีคนนี้ โดยจนถึงวันนี้อีได้เผชิญกับเรื่องอื้อฉาวทางการเมือง และเรื่องส่วนตัวมากมาย ซึ่งทำให้ตอนนี้เขามีคดีความติดตัวอย่างน้อย 5 คดี รวมถึงข้อกล่าวหารับสินบน การทุจริต และข้อกล่าวหาการมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีด้านอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม อีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอธิบายว่าเป็นการข่มเหงโดยมีแรงจูงใจทางการเมือง ซึ่งศาลเกาหลีใต้ตกลงให้เลื่อนการพิจารณาคดีออกไป จนกว่าจะมีการเลือกตั้ง ทำให้เขาสามารถแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ ในขณะที่คดีต่างๆ ยังดำเนินต่อไป
วิสัยทัศน์
ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจในเกาหลีใต้ ทั้งปัญหาช่องว่างระหว่างรายได้และการจ้างงาน หลายคนมองว่า อีผลักดันนโยบายเศรษฐกิจแบบประชานิยม โดยเสนอให้ประชาชนทุกคนมีรายได้พื้นฐานถ้วนหน้า
อีกทั้งระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง อีได้ให้คำมั่นว่าจะให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจ โดยเสนอให้เพิ่มการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ พร้อมกับแนะนำให้ทำงานสัปดาห์ละสี่วันครึ่ง และหักลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ปกครองตามจำนวนบุตรที่พวกเขามี
ด้านนโยบายต่างประเทศ เขาสัญญาว่าจะปรับปรุงความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ พร้อมกับผลักดันให้มีการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งสอดคล้องกับจุดยืนหลักของพรรค DP และจะรักษาพันธมิตรด้านความมั่นคงระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีไว้ โดยไม่ทำให้จีนและรัสเซียแตกแยก
นอกจากนี้ อีเคยประกาศว่าจะไม่แก้แค้นฝ่ายอนุรักษ์นิยม แต่เขายังคงเรียกร้องให้มีการสอบสวนอดีตประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล พร้อมกับกลุ่มคนใกล้ชิด อย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อกล่าวหากบฏ
“ภูมิทัศน์ทางการเมืองของเกาหลี ยังคงมีความแตกแยกและการเผชิญหน้ากันอย่างมาก (ดังนั้น) ความสามารถของเขาในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมนี้ จะเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จของเขา” ลี มยองฮี (Lee Myung-hee) ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองเกาหลีใต้ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตท (Michigan State University) กล่าวกับ Al Jazeera
อ้างอิงจาก