วันนี้ (16 มิถุนายน 2568) เวลา 13.00 น. กระทรวงการต่างประเทศ แถลงการณ์สรุปผลการประชุมของคณะกรรมการชายแดนร่วมกัมพูชา-ไทย หรือ JBC โดย นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วย ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทยและประธาน JBC และ เบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
นิกรเดช กล่าวว่า จากที่วานนี้ไทยออกแถลงการณ์ประชุม JBC ครั้งที่ 6 ซึ่งสะท้อนท่าทีไทยในเรื่องของการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ วันนี้จึงขอมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม โดยเรื่องแรกคือเรื่องกลไกทวิภาคี ตามที่รัฐบาลไทยยึดมั่นในในการกลไกทวิภาคีเพื่อแก้ปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา ด้วยความจริงใจ และสุจริตใจ ซึ่งรวมถึงการประชุม JBC ที่ผ่านมา ไทยเข้าร่วมด้วยการตั้งใจจริงและสุจริตใจ ที่จะเห็นผลลัพท์ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้ง 2 ฝ่าย
“วันนี้เราเห็นแล้วว่ากัมพูชาไม่ได้ตอบสนอง แต่ยังคงเลือกที่จะเสนอพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ในการหารือพื้นที่ 4 จุด คือ ช่องบก, ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ะ และปราสาทตาควาย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นิกรเดช กล่าวว่า ส่วนที่มีคนถามกันเข้ามาว่า ในที่ประชุมมีการพูดถึงเรื่องพื้นที่ 4 จุด หรือไม่นั้น ขอเรียนว่า ในการเจรจาร่างระเบียบวาระการประชุม กัมพูชาเลือกที่จะไม่หารือเรื่องพื้นที่ 4 จุด ในการประชุม ฝ่ายไทยจึงแสดงความผิดหวังอย่างยิ่ง เพราะประเด็นด้านเขตแดนทั้งหมดเป็นขอบเขตของ JBC ซึ่งเป็นประเด็นในเชิงเทคนิค
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวต่อไปเกี่ยวกับเรื่องการประชุมใน JBC โดยขอย้ำความสำเร็จ ของการประชุม JBC ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และทำมาต่อเนื่องกว่า 25 ปี ณ วันนี้ JBC ได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพราะสถานการณ์ชายแดนที่เกิดขึ้น
“ผมย้ำว่ากลไกทวิภาคีผ่าน JBC นั้นยังดำเนินได้อยู่ และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในอนาคต” นิกรเดชกล่าวย้ำ
สำหรับกรณีของ ICJ ขอย้ำว่ารัฐบาลไทยไม่รับเขตอำนาจศาลของ ICJ มาตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบันซึ่งประธาน JBC ไทยได้ย้ำถ้อยแถลงให้กัมพูชารับทราบท่าทีไทยและกระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมแนวทางรับมือในเรื่องนี้แล้ว
ส่วนมาตรการตอบโต้ระหว่างไทยและกัมพูชาที่อาจจะเห็นปรากฎบนโซเชียลมีเดีย ล่าสุดว่าจะปิดด่านและไม่นำเข้าสิ่งของจากไทย เขาระบุว่าไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่าการเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดีจะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกันโดยไม่ได้หารือทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ผลกระทบนี้จะส่งผลต่อประชาชนทั้ง 2 ฝ่ายมากที่สุด จะเห็นว่าไทยมีการตอบโต้ในระดับรัฐบาล ไม่มีเป้าหมายโจมตีประชาชน แนวทางการสื่อสารทางโซเชียลถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ ขอเรียนว่ารัฐบาลใช้วิจารณญาณในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบและมีวุฒิภาวะ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็น
อย่างไรก็ตาม ช่วงวานนี้ ฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักเลขาธิการกิจการชายแดน และประธาน JBC กัมพูชา ได้แจ้งต่อ ประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทยและประธาน JBC ของไทย ว่า เพื่อประโยชน์ในการรับรองแนวทางแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยุติธรรม เป็นกลาง และถาวรสำหรับทั้งสองประเทศ ฝ่ายกัมพูชาจึงขอให้ไทยร่วมมือกับกัมพูชาในการนำข้อพิพาทชายแดนในพื้นที่มอมเบย, ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ะ และปราสาทตากระเบย ขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) และยืนยันจุดยืนของกัมพูชา แม้ว่าไทยจะไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ก็ตาม